Roojai

10 ที่สุด “รถยนต์พลังงานทางเลือก” แห่งปี

ช่วงนี้หลายท่านคงจะเบื่อกับราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น/ลงราว 2-3 ครั้ง/สัปดาห์และต้องคอยมาต่อคิวเติมน้ำมันที่หางแถวยาวเหยียด จนพาลให้คิดว่าเมื่อไหร่เมืองไทยจะจริงจังกับรถพลังงานทางเลือกอย่างรถใช้พลังไฟฟ้า หรือรถเซลส์เชื้อเพลิง หรือรถประหยัดน้ำมัน และอื่นๆที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้

ซึ่งค่ายรถยนต์เองต่างมีการพัฒนากันก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ลูกผสม Hybrid ไปจนถึงแบบ Plug-in หรือรถไฟฟ้า EV และพลังงานอีกหลากหลายรูปแบบนอกเหนือจากรถรักษ์โลกอย่าง ego car ทั่วไปที่เรารู้จัก ซึ่งวันนี้เราได้รวบรวมเอาสุดยอดรถรักษ์โลกแห่งปี มาให้ได้ดูกันว่าโลกเค้าไปถึงไหนกันแล้ว

1. โตโยต้า มิราอิ (Toyota Mirai)

Toyota_Mirai_โตโยต้า_มิราอิ_รถพลังงานทางเลือก

Toyota_Mirai_โตโยต้า_มิราอิ_รถพลังงานทางเลือก

เริ่มต้นคันแรกที่เพิ่งคว้ารางวัลรถรักษ์โลก 2016 World Green Car จากงาน World Car Award มาหมาดๆ อย่าง โตโยต้า มิราอิ (Toyota Mirai) ยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากเซลส์เชื้อเพลิง หรือ Fuel Seal (FCV) ซึ่งเอาชนะคู่แข่งในกลุ่มรถรักษ์โลกจากจากทั่วทุกมุมโลกมาได้ ด้วยจุดเด่นของพลังขับเคลื่อนจากไฮโดรเจนฟิวเซล ซึ่งรีดพละกำลังได้ถึง 155 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 9.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 178 กม. และสามารถวิ่งได้ระยะทางกว่า 483 กม. แถมการเติมไฮโดรเจนเต็มถังใช้เวลาเพียง 3 นาที ที่สำคัญการใช้ออกซิเจนมาทำปฏิกิริยากับไฮโดรเจนเพื่อสร้างพลังงานไฟฟ้าและถ่ายกำลังสู่มอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ไม่มีไอเสียแม้แต่น้อยจะมีก็แค่น้ำออกมาทางท่อไอเสียและไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมขนานแท้

2. เชฟโรเลต โวลต์ (Chevrolet Volt)

เชฟโรเลต_โวลต์_Chevrolet_Volt_รถพลังงานทางเลือก

คันต่อมาเป็นรถไฟฟ้าลูกผสมแบบเสียบปลั๊ก (Plug-in Hybrid) จากค่ายเซฟโรเลต กับเจ้า เชฟโรเลต โวลต์ (Chevrolet Volt) ซึ่งติด 1 ใน 3 ที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายของรถที่ใส่ใจต่อโลกในปีนี้ โวลต์ เจเนอเรชั่นที่ 2 ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนขนาด 18.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ 4 สูบ 1.5 ลิตร พละกำลัง 101 แรงม้าที่ทำหน้าที่ขยายระยะทางขับเคลื่อนด้วยการป้อนพลังไฟฟ้ากลับเข้าสู่มอเตอร์ ทำให้โวลต์วิ่งได้ไกลสูงสุดกว่า 670 กม. และสามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ระยะทางราว 80 กม. นอกจะประหยัดเพิ่มมากขึ้นแล้ว โวลต์รุ่นใหม่ยังมีอัตราเร่งที่ดีกว่าเดิม การออกตัวจาก 0-100 กม./ชม. ทำได้ภายใน 8.4 วินาทีหรือเร็วกว่าเดิม 7% ขณะที่ท็อปสปีดทำได้ 157 กม./ชม. เชฟโรเลต โวลต์จะออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายนนี้

3. โตโยต้า พรีอุส ไฮบริด (Toyota Prius Hybrid)

Toyota_Prius_Hybrid_โตโยต้า_พรีอุส_ไฮบริด_รถพลังงานทางเลือก

Toyota_Prius_Hybrid_โตโยต้า_พรีอุส_ไฮบริด_รถพลังงานทางเลือก

ในปีนี้ถือว่าโตโยต้าประสบความสำเร็จอย่างมากงานประกาศรางวัล World Car Award ปีนี้นั่นคือ Toyota Prius ที่คนไทยคุ้นเคยดี เป็นอีกคันที่โชว์ผลงานจนติด Top 3 ในกลุ่มนี้ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังงานลูกผสม โดยมีเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.8 ลิตร VVT-I Atkinson cycle ที่ผ่านการปรับปรุงใหม่หมดจดให้มีประสิทธิภาพด้านความร้อน 40% ให้พละกำลัง 97 แรงม้าที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิด 142 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่เล็กและเบาลงให้กำลัง 73 แรงม้า ซึ่งทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองดีขึ้น 18% ที่ 40 กม./ลิตร

4. เทสล่า โมเดล เอส (Tesla Model S)

Tesla_Model_S_เทสล่า_โมเดล_เอส_รถพลังงานทางเลือก

Tesla_Model_S_เทสล่า_โมเดล_เอส_รถพลังงานทางเลือก

สำหรับคันนี้ที่ 4 นั้นถือเป็นสุดยอดแห่งรถใช้พลังงานไฟฟ้าสมรรถนะสูงที่ชาวไทยเกือบจะได้สัมผัสตัวจริงของ Tesla Model S ซึ่งเคยมีแผนจะทำตลาดในบ้านเรา ก่อนจะกลับลำกระทันหันเมื่อปลายปีที่แล้ว Tesla Model S ใช้พลังงานจากไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเป็นตัวขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้พละกำลังที่แรงเอาเรื่อง โดยในรุ่นท็อป โมเดล เอส พี90ดี จะมีมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว ผลิตพละกำลัง 463 แรงม้า แรงบิด 713 ฟุตปอนด์ อัตราเร่ง 0-96 กม.ต่อชม. ใน 3.1 วินาทีเท่านั้น ท็อปสปีดอยู่ที่ 250 กม.ต่อชม. ขณะที่การอัพเกรด Ludicrous ทำให้มีพลังถึง 532 แรงม้า เร่งจาก 0-96 กม.ต่อชม.ใน 2.8 วินาที

5. นิสสัน ลีฟ (Nissan Leaf)

นิสสัน_ลีฟ_Nissan_Leaf_รถพลังงานทางเลือก

นิสสัน_ลีฟ_Nissan_Leaf_รถพลังงานทางเลือก

นิสสัน ลีฟ คืออีกหนึ่งรถยนต์พลังไฟฟ้า (EV) ที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับจากผู้ใช้งานทั่วโลก สำหรับรุ่นปี 2016 ลีฟมาพร้อมแบตเตอรี่ชุดใหม่ขนาด 30 กิโลวัตต์ชั่วโมง ลีฟใหม่ได้เปลี่ยนแบตเตอรีลิเธียม-ไอออนจากเดิม 24 กิโลวัตต์ชั่วโมงเป็น 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงซึ่งทำให้ระยะทางขับเคลื่อนเพิ่มขึ้นอีกราว 25% นั่นหมายความว่าลีฟใหม่สามารถโลดแล่นได้ไกลถึง 155 ไมล์หรือกว่า 250 กม. และรองรับการชาร์จไฟ 3 เฟส 400 โวลต์ สำหรับชาร์จเร่งด่วน

 

 

6. บีเอ็มดับเบิ้ลยู ไอ 3 (BMW i3)

บีเอ็มดับเบิ้ลยู_ไอ_3_BMW_i3_รถพลังงานทางเลือก

บีเอ็มดับเบิ้ลยู_ไอ_3_BMW_i3_รถพลังงานทางเลือก

หลังจากผ่านครึ่งแรกไปแล้วก็ถึงคิวของรถไฟฟ้าจากค่ายใบพัดสีฟ้ากับเจ้า BMW i3 แบบ EV โมเดลล่าสุด รุ่นปรับโฉมใหม่แล้ว มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่มีความจุมากขึ้นและการแต่งหน้าทาปากอีกเล็กน้อย แบตเตอรี่เดิม 22 กิโลวัตต์ชั่วโมงถูกแทนที่ด้วย 33 กิโลวัตต์ชั่วโมง และให้สามารถโลดแล่นได้ไกลขึ้นจาก 130 กม. เป็น 183 กม. หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 50% จากการยืนยันของสำนักงานสิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา

7. ฟอร์ด ซีแมก เอนเนอจี้ (Ford C-Max Energi)

ฟอร์ด_ซีแมก_เอนเนอจี้_Ford_C-Max_Energi_รถพลังงานทางเลือก

ฟอร์ด_ซีแมก_เอนเนอจี้_Ford_C-Max_Energi_รถพลังงานทางเลือก

ส่วนฟอร์ดซึ่งเคยเป็นเจ้าของรางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยม (Engine Car of The Year) มาหลายปีซ้อน สำหรับรถไฟฟ้านั้น Ford C-Max Energi ถือเป็นยนตกรรมแบบปลั๊กอินที่โดเด่นอีกคันหนึ่งของค่าย ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซิน 2.0 ลิตร แบบ Naturally Aspirated (NA) มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว และชุดแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออน สามารถทำการชาร์จไฟด้วยการเสียบปลั๊กขนาดแรงดันไฟฟ้า 120 โวลต์ หรือสถานนีชาร์จไฟขนาด 240 โวลต์ ได้เช่นกัน

8. โฟล์คสวาเกน อี-กอล์ฟ (Volkswagen e-Golf)

Volkswagen_e-Golf_โฟล์คสวาเกน_อี-กอล์ฟ_รถพลังงานทางเลือก

Volkswagen_e-Golf_โฟล์คสวาเกน_อี-กอล์ฟ_รถพลังงานทางเลือก

โฟล์คสวาเกน เปิดอีกค่ายที่มีพัฒนาเครื่องยนต์พลังงานสะอาด ซึ่งมี Volkswagen e-Golf รถคอมแพกต์พลังงานไฟฟ้าซึ่งจะออกจำหน่ายพร้อมกับรถไฟฟ้าร่วมค่ายอีกสองรุ่นคือ e-up และ eco up โดยมีมอเตอร์ไฟฟ้าของ e-Golf มีพละกำลัง 115 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-60 กม./ชม.ภายใน 4.2 วินาที และใช้เวลา 10.4 วินาทีในการออกตัวจาก 0-100 กม./ชม. สำหรับระยะทางขับเคลื่อนอยู่ระหว่าง 130 – 190 กม.

9. วอลโว่ เอ็กซ์ซี 90 (Volvo XC90 T8 PHEV)

วอลโว่_เอ็กซ์ซี_90_Volvo_XC90_T8_PHEV_รถพลังงานทางเลือก

วอลโว่_เอ็กซ์ซี_90_Volvo_XC90_T8_PHEV_รถพลังงานทางเลือก

มาถึงรถเอสยูวีแบบ Plug-in จากวอลโว่ ที่มีความภาคภูมิใจมากกับ วอลโว่ เอ็กซ์ซี 90 ทวินเอนจิน (the XC90 T8 Twin Engine)ถึงแม้จะเป็นรถขนาดมิดไซส์เอสยูวีที่รองรับผู้โดยสารเจ็ดที่นั่ง แต่เอ็กซ์ซี90 ที8 ทวินเอนจิน รุ่นท็อปไลน์มีความประหยัดเชื้อเพลิงอย่างน่าเหลือเชื่อเพียง 47.6 กม./ลิตรเท่านั้น ส่วนแบตเตอรี่สามารถขับเคลื่อนตัวรถด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกลถึง 42 และยังมีอัตราเร่งที่เร้าใจ จาก 0-100 กม./ชม. ทำได้ภายใน 5.6 วินาที จากพละกำลัง 407 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาลถึง 640 นิวตันเมตร รถเอสยูวีสัญชาติสวีเดนที่ถือว่า “สะอาดที่สุดในโลก” ด้วยค่ามลพิษที่ต่ำเพียง 49 กรัม/กม. เท่านั้น

10. มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ (Mitsubishi Outlander (PHEV)

มิตซูบิชิ_เอาท์แลนเดอร์_Mitsubishi_Outlander_(PHEV)_รถพลังงานทางเลือก

ปิดท้ายด้วย Mitsubishi Outlander เจนเนอเรชั่นใหม่ได้รับการพัฒนาให้เป็นรถปลั๊กอินไฮบริดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 8% ทำให้การขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าไกลกว่าเดิม ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ประกบด้วยชุดขับเคลื่อนไฟฟ้าที่ประกอบด้วยมอเตอร์ 80 แรงม้าและเครื่องปั่นไฟอยู่ทางด้านซ้ายของห้องเครื่อง แบตเตอรี่ขนาด 12 กิโลวัตต์ชั่วโมงติดตั้งอยู่ใต้พื้นรถ และมอเตอร์ 80 แรงม้าอีกชุดวางอยู่ใกล้กับเพลาขับล้อหลัง สามารถวิ่งด้วยโหมด EV ที่ใช้พลังไฟฟ้าล้วนๆได้ระยะทางสูงสุดกว่า 60 กม. ขณะที่โหมด Hybrid เครื่องยนต์เบนซินจะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพให้มอเตอร์ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้ถึง 61 กม./ลิตร จากการชาร์จแบตเตอรี่เต็มด้วยเวลา 4 ชั่วโมง

ไม่ว่ารถประเภทไหน อุบัติเหตุก็เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดเสมอ ให้รู้ใจอยู่เคียงข้างรถของคุณ ด้วยความใส่ใจในบริการของเรา คลิกเช็คเบี้ย! และซื้อประกันชั้น 1 กับรู้ใจดอทคอม รับฟรี! บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน กรณีรถเสียฟรี 1 ปี