
อยากทําประกันรถยนต์ที่ดีที่สุด ให้ความคุ้มครองตอบโจทย์ครบทุกด้าน นอกจากจะเช็คเบี้ยประกันรถยนต์แล้วแผนประกันอย่างถี่ถ้วนแล้ว มารู้เทรนด์ประกันภัยรถยนต์ ปี 2568 กันสักหน่อย ว่า ณ ขณะนี้ประกันรถยนต์มีสถานการณ์เป็นยังไง ยังคงตอบสนองความต้องได้อย่างที่คาดหวัง และคุ้มค่า สมราคาจ่ายอยู่หรือไม่ ตามรู้ใจไปเก็บข้อมูลพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าในบทความนี้
สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!
5 เทรนด์ประกันรถยนต์ ปี 2568 มีอะไรบ้าง?
ในปัจจุบัน ถือเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอยู่ตลอด โดยเฉพาะในแวดวงธุรกิจประกันรถยนต์ และดูเหมือนว่ายังต้องเจอกับพายุแห่งการเปลี่ยนแปลงลูกใหม่ ชื่อว่า “ประกันรถยนต์ไฟฟ้า” และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่จะต้องเตรียมรับมือในอนาคต โดยข้อมูลจากงานแถลงข่าวจาก Priceza Money ในปี 2024 ได้มีการกล่าวถึงเทรนด์ที่น่าสนใจ ซึ่งเราจะได้นำมาวิเคราะห์เทรนด์ในปี 2025 ดังนี้
1. ประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
ในยุคนี้ใคร ๆ ต่างยกให้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นหนึ่งในตัวเลือกแรก ๆ และในประเทศไทยเองก็มีการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างก้าวกระโดด อุตสาหกรรมประกันภัยรถยนต์เองต้องเกิดการปรับตัวตามกระแสโลก สิ่งนั้นคือการมีประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) นั่นเอง
ความต้องการของลูกค้าปัจจุบันที่ซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้า จะแตกต่างจากลูกค้าประกันรถยนต์ทั่วไป โดยต้องการให้ประกันครอบคลุมกรณีเฉพาะ ความเสียหายของแบตเตอรี่ไฟฟ้า ระบบชาร์จไฟ (หัวชาร์จ / สายชาร์จ / เครื่องชาร์จติดผนัง) ป้องกันไฟไหม้จากไฟฟ้าลัดวงจร เป็นต้น ซึ่งในปี 2025 ประกันรถยนต์ไฟฟ้าก็ได้มีการออกแบบมาให้ตอบโจทย์ ทั้งความคุ้มครองแบต ภัยธรรมชาติ น้ำท่วม รถหาย ซึ่งตรงจุดลูกค้าและเป็นไปตามข้อกำหนดของ คปภ.
แต่หนึ่งประเด็นที่ยังน่าสนใจและน่าติดตามเกี่ยวกับประกันรถยนต์ไฟฟ้า คือ ความท้าทายในการเคลมและจัดซ่อม การบริการเสริมช่วยเหลือรถ EV และราคาประกันที่ยังมีราคาสูงเมื่อเทียบกับรถยนต์น้ำมัน
2. ประกันภัยตอบโจทย์ผู้ขับขี่รายบุคคล (Personalized Insurance)
ช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ ตามข้อมูลจาก Priceza Money มีแนวโน้มที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ว่ามีประกันแบบ Personalised Insurance หรือประกันรถยนต์ที่ออกแบบตามผู้ขับขี่รายบุคคลมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยข้อดีของประกันรถประเภทนี้ คือ ผู้ซื้อจะได้ประกันในราคาที่เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งานของตัวเอง และอีกด้านในส่วนของผู้นำเสนอขาย (บริษัทประกัน) ก็มีโอกาสขายใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นเช่นกัน
เพราะการใช้ข้อมูลเฉพาะตัวของผู้ขับขี่ เช่น อายุ, ลักษณะการใช้งานรถ, ระยะทางเฉลี่ยต่อเดือน ทำให้บริษัทประกันสามารถคำนวณเบี้ยประกันได้แม่นยำขึ้น และเสนอผลิตภัณฑ์ที่ “ตรงจุด” มากกว่าแบบมาตรฐานทั่วไปที่ใช้โมเดลเดียวกับทุกคน ในด้านของบริษัทประกัน เทรนด์นี้ยังเปิดโอกาสให้บริษัทสามารถพัฒนาโปรดักต์ใหม่ ๆ มากขึ้น เช่น ประกันสำหรับคนใช้รถน้อย, ประกันรายเดือน/รายวัน สำหรับคนที่ไม่ได้ใช้รถทุกวัน, ประกันเฉพาะช่วงเวลา เป็นต้น ซึ่งเป็นผลดีทั้งต่อผู้บริโภคและบริษัทประกันภัย นอกจากนี้ การมีประกันแบบ Personalized ยังช่วยให้ผู้บริโภครู้สึกว่า “ประกันเข้าใจเรา” ในราคาที่เข้าถึงได้ จึงส่งผลให้เกิดความพึงพอใจมากขึ้น
3. เทรนด์ซื้อประกันออนไลน์โตต่อเนื่อง
ปัจจุบันวงการประกันภัยรถยนต์บางเจ้ายังอยู่ในยุคที่เรียกว่าใช้งาน online 50% คือ เก็บข้อมูลติดต่อของลูกค้า และส่งให้ Telesales โทรไปปิดการขาย แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ยุคของอินชัวร์เทค (InsurTech) การซื้อประกันออนไลน์จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะตอบโจทย์ผู้บริโภคมากกว่า โดยในปัจจุบันปี 2025 ต่างก็มีบริษัทประกันและโบรกเกอร์ที่เปิดตัวสู่การบริการซื้อประกันออนไลน์ 100% มากขึ้น และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเทรนด์การซื้อประกันออนไลน์เป็นที่น่าจับตามองเพราะ
- ราคาดีกว่า – การซื้อออนไลน์ผ่านหน้าเว็บไซต์มักมีราคาที่ถูกกว่าซื้อผ่านเจ้าหน้าที่ และยังสามารถเลือกความคุ้มครองตามที่ตนเองต้องการ เพื่อให้ตอบโจทย์ราคาได้ โดยไม่มีความกดดัน
- การใช้งานหน้าเว็บ – ปัจจุบันหน้าเว็บซื้อประกันออนไลน์มักออกแบบให้เข้าใจง่าย ทำให้เข้าใจความคุ้มครอง เลือกได้ตรงจุด และยังมีเวลาในการค้นหาความหมายในจุดที่ไม่เข้าใจได้
- พฤติกรรมการซื้อออนไลน์ที่สูงขึ้น – ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจาก COVID-19 ที่ Disrupt ให้แนวโน้มการซื้อ-ขายสินค้าผ่านออนไลน์สูงขึ้น ตั้งแต่ของจิปาถะ อาหาร เสื้อผ้า อุปกรณ์ไอที และรวมถึงประกันภัยด้วย
- ไม่มีความกดดัน ซื้อได้ตลอด 24 ชม. – การซื้อประกันออนไลน์มักเปิดโอกาสให้ลูกค้าอ่านเงื่อนไขข้อกำหนดและรายละเอียดต่าง ๆ อย่างอิสระและไม่กดดัน สามารถซื้อได้ 24 ชม. กดเช็คราคาและซื้อประกันที่ไหนเวลาไหนก็ได้ ตามสะดวก ซึ่งประกันรถที่รู้ใจก็สามารถซื้อออนไลน์ได้ทุกวันตลอด 24 ชม. เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การซื้อประกันผ่านตัวแทนหรือ Telesales ก็ยังมีนัยสำคัญในกลุ่มลูกค้าผู้สูงวัย เจ้าของกิจการต่าง ๆ และลูกค้าที่ต้องการสอบถามรายละเอียด เป็นต้น

4. Insurance Content Marketing
ในยุคที่ทำการตลาดออนไลน์ โดยเฉพาะการยิง Ads มีต้นทุนที่แพงขึ้นทุกวัน Content Marketing เป็นหนึ่งในการทำตลาดที่ได้ผลตอบรับที่ดีมาก ๆ ในเรื่อง Trust และ Branding และยังส่งผลไปถึง Perfomance อีกด้วย โดย Insurance Content Marketing เป็นอาวุธที่ทรงพลังในการทำตลาดแบบระยะยาว และช่วยให้แบรนด์เติบโตได้อย่างยั่งยืน
เนื่องจากลูกค้าในยุคดิจิทัลไม่ได้ตัดสินใจซื้อประกันเพียงจากโฆษณาหรือโปรโมชั่น แต่ต้องการความรู้ ความเข้าใจ และความน่าเชื่อถือ ก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งการทำ Content Marketing หรือการตลาดที่เน้นการสร้างและเผยแพร่เนื้อหาที่มีคุณค่าและน่าสนใจ ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะในธุรกิจประกันภัยที่มีรายละเอียด เงื่อนไข และข้อยกเว้นที่ซับซ้อน
การทำ Insurance Content Marketing ที่ดี จะช่วยสร้างความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นหัวใจของการสร้างความน่าเชื่อถือ (Trust) และทำให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ในฐานะแหล่งข้อมูลที่มีคุณภาพ
5. พฤติกรรมการซื้อที่เปลี่ยนไปของผู้ใช้รถ
เว็บไซต์ Priceza Money ได้เก็บสถิติการซื้อประกันภัยรถยนต์ในประเทศไทย ช่วงก่อน-หลังประกันโควิดว่าการซื้อประกันภัยของคนไทยมีการเปลี่ยนแปลง จาก “ซื้อเพราะราคาถูก” ไปเป็น “ซื้อเพราะความน่าเชื่อถือ” เนื่องจากเกิดการเรียนรู้ว่าบริษัทประกันที่ขายประกันราคาถูก อาจมีความเสี่ยงในการเคลมไม่ได้ หรือปิดกิจการหากขาดทุนเกินพิกัด เป็นต้น
พฤติกรรมผู้บริโภคจึงเริ่มเปลี่ยนจากการมองหาความคุ้มค่าในเชิงราคา มาเป็นการพิจารณาความมั่นคงของบริษัท รีวิวการเคลมจริงของลูกค้าคนอื่น และบริการหลังการขายที่ไม่ทิ้งลูกค้า โดยการเข้าถึงรีวิวต่าง ๆ และข้อมูลข่าวสารผ่านโซเชียลมีเดีย กลุ่มคนใช้รถ หรือบอร์ดสนทนาออนไลน์ จะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคกลุ่มอื่นอย่างมีนัยสำคัญ แบรนด์ประกันที่มีความโปร่งใส มีทีมงานตอบคำถาม บริการดี และเคลมได้จริง จะได้รับความไว้วางใจสูงกว่าการใช้โปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้า
ขอขอบคุณข้อมูลจาก งานแถลงข่าว InsureX FORUM 2024 : Insurance Technology & Marketing โดย Priceza Money
และทั้งหมดนี้เป็นเพียง “ส่วนหนึ่ง” ของเทรนด์ประกันรถที่เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น และถ้าหากคุณกำลังสงสัยว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ที่เพิ่มเข้ามา และต้องเตรียมรับมือให้ดีในอนาคต มีประโยชน์อย่างไร และต่อใครบ้าง ตามไปหาคำตอบเพิ่มเติมในหัวข้อถัดไปกันได้เลย
ประโยชน์ของการมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในประกันภัยรถยนต์
หลายคนมองว่าเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามาในแวดวงประกันภัยรถยนต์ เป็น ‘ดาบสองคม’ และอาจส่งผลเสียต่าง ๆ ตามมาในอนาคต แต่ในความเป็นจริงแล้วเทคโนโลยีเหล่านี้ กลับมีบทบาทในการอำนวยความสะดวกให้มากขึ้น ทั้งต่อผู้เอาประกันและบริษัทประกัน โดยมีประโยชน์ดังนี้

1. ประโยชน์ด้านการเคลม
ปกติแล้วเมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน กว่าจะเคลมได้ในแต่ละครั้ง นอกจากต้องใช้เอกสารหลักฐานจำนวนมากแล้ว ยังต้องรอบริษัทประกันรถยนต์ หรือผู้สำรวจภัยมาตรวจสอบความเสียหาย หรือพิสูจน์ก่อนว่าใครผิดหรือถูก ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเสียเวลามาก ๆ
แต่บริษัท InsurTech ที่มีความสามารถจะพัฒนาระบบการรับแจ้งเคลมแบบออนไลน์ มีการเชื่อมต่อข้อมูลด้วยกันทั้งหมด ทำให้การจัดการติดตามและสืบค้นข้อมูลสะดวก และง่ายมากกว่าแต่ก่อน ทำให้ลูกค้าได้รับการอนุมัติสินไหมที่รวดเร็วขึ้นอีกด้วย
2. ลดข้อจำกัดต่าง ๆ ของลูกค้า
โดยเฉพาะข้อจำกัดของลูกค้า ในการเข้าถึงธุรกิจประกันภัยที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งยังนิยมขายผ่านตัวแทน การซื้อประกันจึงตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างตัวแทนและลูกค้า ไม่ได้อยู่บนความต้องการที่แท้จริง จึงเป็นเหตุผลที่ลูกค้าส่วนมากจะซื้อประกันที่ไม่ครอบคลุมความต้องการของตัวเอง
แต่การซื้อประกันออนไลนน์จะทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการของบริษัทประกันรถยนต์ได้ง่ายขึ้น ผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีอยู่ในมือ นอกจากจะเป็นประโยชน์กับลูกค้าแล้ว ยังเป็นประโยชน์กับธุรกิจในระยะยาวอีกด้วย
3. มีการเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ
สามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาวิเคราะห์ระดับความเสี่ยงของลูกค้าเป็นรายบุคคล เพื่อสะท้อนไปที่เบี้ยประกันที่เหมาะสมและเป็นธรรม ทำให้ลูกค้าซื้อประกันที่เหมาะสม และมีการชำระค่าเบี้ยที่สอดคล้องกับความสามารถในการชำระเบี้ยของลูกค้าได้
Tips: รู้จัก InsurTech vs Fintech ต่างกันยังไง?
อีกคำที่ยุคนี้มักถูกกล่างถึงบ่อย ๆ คือฟินเทค (Fintech) มีชื่อเต็ม ๆ ว่า Financial Technology เป็นคำศัพท์ใหม่ในการให้บริการทางการเงินยุคใหม่ ที่ทำให้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้สะดวกมากขึ้น เป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมทางเงิน ในขณะที่ อินชัวร์เทค (InsurTech) เป็นการนำเทคโนโลยีเข้าใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมประกันภัย ทั้งนี้เรื่องของประกันเป็น “ส่วนหนึ่ง” ของการเงิน การบริการจัดการ หมายความว่า InsurTech ถือเป็นส่วนหนึ่งของ Fintech นั่นเอง
การตัดสินใจทําประกันรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นประกันภัยรถยนต์ชั้น1 หรือชั้นไหน ๆ ก็ตาม ไม่ใช่แค่การเลือกความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ หรือเช็ค เบี้ย ประกัน รถที่สบายกระเป๋าเท่านั้น แต่ยังควรทำความเข้าใจเทรนด์ประกันภัยรถยนต์เอาไว้ด้วย เพื่อให้คุณสามารถเปรียบเทียบประกันรถยนต์ก่อนเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 อย่างแยบยลมากขึ้นนั่นเอง
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้ เกี่ยวกับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ด้านสุขภาพ รวมถึงเกร็ดความรู้เกี่ยบกับประกันภัยต่าง ๆ ได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือเพิ่มเพื่อนทาง LINE ได้เลย (Official LINE ID: @roojai)
คำจำกัดความ
เทรนด์ | แนวโน้ม หรือทิศทางที่สิ่งต่าง ๆ กำลังได้รับความนิยมในช่วงเวลาหนึ่ง |
การยิง Ads | การลงโฆษณาออนไลน์เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการโปรโมตสินค้าและบริการของคุณไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้โดยตรง |
Branding | การสร้างและจัดการภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและจดจำในตลาด |
Telesales | กระบวนการขายสินค้าและบริการผ่านทางโทรศัพท์ |