Roojai

เทรนด์ประกันรถยนต์ปี 2568 ในประเทศไทย มีอะไรใหม่บ้าง?

Article Roojai Verified
เปิดเทรนด์ประกันรถยนต์ปี 2568 | รู้ใจประกันภัย

อยากทําประกันรถยนต์ที่ดีที่สุด ให้ความคุ้มครองตอบโจทย์ครบทุกด้าน นอกจากจะเช็คเบี้ยประกันรถยนต์แล้วแผนประกันอย่างถี่ถ้วนแล้ว มารู้เทรนด์ประกันภัยรถยนต์ ปี 2568 กันสักหน่อย ว่า ณ ขณะนี้ประกันรถยนต์มีสถานการณ์เป็นยังไง ยังคงตอบสนองความต้องได้อย่างที่คาดหวัง และคุ้มค่า สมราคาจ่ายอยู่หรือไม่ ตามรู้ใจไปเก็บข้อมูลพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าในบทความนี้

สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!

5 เทรนด์ประกันรถยนต์ ปี 2568 มีอะไรบ้าง?

ในปัจจุบัน ถือเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอยู่ตลอด โดยเฉพาะในแวดวงธุรกิจประกันรถยนต์ และดูเหมือนว่ายังต้องเจอกับพายุแห่งการเปลี่ยนแปลงลูกใหม่ ชื่อว่า “ประกันรถยนต์ไฟฟ้า” และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่จะต้องเตรียมรับมือในอนาคต ดังนี้

1. ประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV)

ในยุคนี้ใคร ๆ ต่างยกให้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นหนึ่งในตัวเลือกแรก ๆ และในประเทศไทยเองก็มีการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างก้าวกระโดด อุตสาหกรรมประกันภัยรถยนต์เองต้องเกิดการปรับตัวตามกระแสโลก สิ่งนั้นคือการมีประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และบังคับใช้เกณฑ์ใหม่มาตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา

2. ประกันภัยตอบโจทย์ผู้ขับขี่รายบุคคล (Personalized Insurance)

ช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ เห็นแนวโน้มที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ว่ามีประกันแบบ Personalized Insurance หรือประกันรถยนต์ที่ออกแบบตามผู้ขับขี่รายบุคคลมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยข้อดีของประกันรถประเภทนี้ คือ ผู้ซื้อจะได้ประกันในราคาที่เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งานของตัวเอง ขับน้อย เสี่ยงน้อย จ่ายน้อย และอีกด้านในส่วนของผู้นำเสนอขาย (บริษัทประกัน) ก็มีโอกาสขายใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นเช่นกัน 

3. เทรนด์ซื้อประกันออนไลน์โตต่อเนื่อง

ปัจจุบันวงการประกันภัยรถยนต์บางเจ้ายังอยู่ในยุคที่เรียกว่าใช้งาน online 50% คือ เก็บข้อมูลติดต่อของลูกค้า และส่งให้ Telesales โทรไปปิดการขาย แต่ต่อจากนี้จะก้าวเข้าสู่ยุคของอินชัวร์เทค (InsurTech) หรือที่การซื้อประกันออนไลน์จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะตอบโจทย์ผู้บริโภคมากกว่า เปิดโอกาสให้ลูกค้าอ่านเงื่อนไขข้อกำหนดและรายละเอียดต่าง ๆ อย่างอิสระและไม่กดดัน สามารถกดเช็คราคาและซื้อประกันที่ไหนเวลาไหนก็ได้ ซึ่งประกันรถที่รู้ใจก็สามารถซื้ออนไลน์ได้ทุกวันตลอด 24 ชม. เช่นกัน

เทคโนโลยีน่ารู้ ในวงการประกันรถยนต์ | รู้ใจประกันภัย

4. Insurance Content Marketing

ในยุคที่ทำการตลาดออนไลน์ โดยเฉพาะการยิง Ads มีต้นทุนที่แพงขึ้นทุกวัน Content Marketing เป็นหนึ่งในการทำตลาดที่ได้ผลตอบรับที่ดีมาก ๆ ในเรื่อง Trust และ Branding และยังส่งผลไปถึง Perfomance อีกด้วย โดย Insurance Content Marketing เป็นอาวุธที่ทรงพลังในการทำตลาดแบบระยะยาว และช่วยให้แบรนด์เติบโตได้อย่างยั่งยืน

5. พฤติกรรมการซื้อที่เปลี่ยนไปของผู้ใช้รถ

เว็บไซต์ Priceza Money ได้เก็บสถิติการซื้อประกันภัยรถยนต์ในประเทศไทย ช่วงก่อน-หลังประกันโควิดว่าการซื้อประกันภัยของคนไทยมีการเปลี่ยนแปลง จาก “ซื้อเพราะราคาถูก” ไปเป็น “ซื้อเพราะความน่าเชื่อถือ” เนื่องจากเกิดการเรียนรู้ว่าบริษัทประกันที่ขายประกันราคาถูก อาจมีความเสี่ยงในการเคลมไม่ได้ หรือปิดกิจการหากขาดทุนเกินพิกัด เป็นต้น

และทั้งหมดนี้เป็นเพียง “ส่วนหนึ่ง” ของเทรนด์ประกันรถที่เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น และถ้าหากคุณกำลังสงสัยว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ที่เพิ่มเข้ามา และต้องเตรียมรับมือให้ดีในอนาคต มีประโยชน์อย่างไร และต่อใครบ้าง ตามไปหาคำตอบเพิ่มเติมในหัวข้อถัดไปกันได้เลย

ประโยชน์ของการมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในประกันภัยรถยนต์

หลายคนมองว่าเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามาในแวดวงประกันภัยรถยนต์ เป็น ‘ดาบสองคม’ และอาจส่งผลเสียต่าง ๆ ตามมาในอนาคต แต่ในความเป็นจริงแล้วเทคโนโลยีเหล่านี้ กลับมีบทบาทในการอำนวยความสะดวกให้มากขึ้น ทั้งต่อผู้เอาประกันและบริษัทประกัน โดยมีประโยชน์ดังนี้

ประโยชน์เทคโนโลยีในประกันภัยรถยนต์ | รู้ใจประกันภัย

1. ประโยชน์ด้านการเคลม

ปกติแล้วเมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน กว่าจะเคลมได้ในแต่ละครั้ง นอกจากต้องใช้เอกสารหลักฐานจำนวนมากแล้ว ยังต้องรอบริษัทประกันรถยนต์ หรือผู้สำรวจภัยมาตรวจสอบความเสียหาย หรือพิสูจน์ก่อนว่าใครผิดหรือถูก ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเสียเวลามาก ๆ

แต่บริษัท InsurTech ที่มีความสามารถจะพัฒนาระบบการรับแจ้งเคลมแบบออนไลน์ มีการเชื่อมต่อข้อมูลด้วยกันทั้งหมด ทำให้การจัดการติดตามและสืบค้นข้อมูลสะดวก และง่ายมากกว่าแต่ก่อน ทำให้ลูกค้าได้รับการอนุมัติสินไหมที่รวดเร็วขึ้นอีกด้วย

2. ลดข้อจำกัดต่าง ๆ ของลูกค้า

โดยเฉพาะข้อจำกัดของลูกค้า ในการเข้าถึงธุรกิจประกันภัยที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งยังนิยมขายผ่านตัวแทน การซื้อประกันจึงตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างตัวแทนและลูกค้า ไม่ได้อยู่บนความต้องการที่แท้จริง จึงเป็นเหตุผลที่ลูกค้าส่วนมากจะซื้อประกันที่ไม่ครอบคลุมความต้องการของตัวเอง

แต่การซื้อประกันออนไลนน์จะทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการของบริษัทประกันรถยนต์ได้ง่ายขึ้น ผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีอยู่ในมือ นอกจากจะเป็นประโยชน์กับลูกค้าแล้ว ยังเป็นประโยชน์กับธุรกิจในระยะยาวอีกด้วย

3. มีการเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ

สามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาวิเคราะห์ระดับความเสี่ยงของลูกค้าเป็นรายบุคคล เพื่อสะท้อนไปที่เบี้ยประกันที่เหมาะสมและเป็นธรรม ทำให้ลูกค้าซื้อประกันที่เหมาะสม และมีการชำระค่าเบี้ยที่สอดคล้องกับความสามารถในการชำระเบี้ยของลูกค้าได้

Tips: รู้จัก InsurTech vs Fintech ต่างกันยังไง?

อีกคำที่ยุคนี้มักถูกกล่างถึงบ่อย ๆ คือฟินเทค (Fintech) มีชื่อเต็ม ๆ ว่า Financial Technology เป็นคำศัพท์ใหม่ในการให้บริการทางการเงินยุคใหม่ ที่ทำให้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้สะดวกมากขึ้น เป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมทางเงิน ในขณะที่ อินชัวร์เทค (InsurTech) เป็นการนำเทคโนโลยีเข้าใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมประกันภัย ทั้งนี้เรื่องของประกันเป็น “ส่วนหนึ่ง” ของการเงิน การบริการจัดการ หมายความว่า InsurTech ถือเป็นส่วนหนึ่งของ Fintech นั่นเอง

การตัดสินใจทําประกันรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นประกันภัยรถยนต์ชั้น1 หรือชั้นไหน ๆ ก็ตาม ไม่ใช่แค่การเลือกความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ หรือเช็ค เบี้ย ประกัน รถที่สบายกระเป๋าเท่านั้น แต่ยังควรทำความเข้าใจเทรนด์ประกันภัยรถยนต์เอาไว้ด้วย เพื่อให้คุณสามารถเปรียบเทียบประกันรถยนต์ก่อนเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 อย่างแยบยลมากขึ้นนั่นเอง

สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้ เกี่ยวกับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ด้านสุขภาพ รวมถึงเกร็ดความรู้เกี่ยบกับประกันภัยต่าง ๆ ได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือเพิ่มเพื่อนทาง LINE ได้เลย (Official LINE ID: @roojai)

คำจำกัดความ

เทรนด์ แนวโน้ม หรือทิศทางที่สิ่งต่าง ๆ กำลังได้รับความนิยมในช่วงเวลาหนึ่ง
การยิง Ads การลงโฆษณาออนไลน์เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการโปรโมตสินค้าและบริการของคุณไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้โดยตรง
Branding การสร้างและจัดการภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและจดจำในตลาด
Telesales กระบวนการขายสินค้าและบริการผ่านทางโทรศัพท์

previous article
< บทความก่อนหน้า

แพลตฟอร์มประกันภัยรถยนต์ดิจิทัล คืออะไร ดีต่อคนซื้อประกันยังไง?