วิถีแห่งเมืองใหญ่ ใครที่เลือกใช้ชีวิตในคอนโดมิเนียม แค่เลือกโครงการที่ดี ทำเลสวย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันอาจไม่พอ เพราะต้องเช็คด้วยว่ามีที่จอดรถคอนโดมั้ย โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีรถ เพราะหากคอนโดมีปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพอ อาจนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ เช่น การต้องจอดรถซ้อนคัน จอดริมถนน หรือเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายกับรถยนต์ ซึ่งจะทำให้การพักอาศัยของคุณหมดความสุขทันทีเมื่อเดินมาถึงที่จอดรถ
สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!
- ความเสี่ยงของที่จอดรถคอนโด ที่ควรรู้มีอะไรบ้าง?
- ที่จอดรถคอนโด ควรมีกี่เปอร์เซ็นต์?
- ลดความเสี่ยงจากการจอดรถในคอนโดยังไงได้บ้าง?
- จอดรถที่คอนโด ควรใช้ประกันแบบไหน?
- ประกันคอนโด คุ้มครองรถยนต์มั้ย?
ความเสี่ยงของที่จอดรถคอนโด ที่ควรรู้มีอะไรบ้าง?
โดยพื้นฐานแล้วที่จอดรถคอนโดมักมีพื้นที่จำกัด ยิ่งกับโครงการในเขตเมือง ที่มักมีสัดส่วนเพียง 30-50% ของจำนวนห้องพัก ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมจอดซ้อนคัน จอดริมฟุตบาทหน้าคอนโด จอดในพื้นที่เช่าชั่วคราวภายนอกโครงการ ฯลฯ เป็นเรื่องที่คนในตึกต้องปรับตัวและรับมือ ตามมากับความเสี่ยงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- รถถูกเฉี่ยวชน หรือถูกรถคันอื่นไหลมาชน
- รถถูกทุบ ทำลาย หรือขโมยทรัพย์สินภายในรถ
- รถถูกโจรกรรม
- น้ำท่วมเฉียบพลันในที่จอดใต้ดิน
- เสียหายจากการลากจูง หรือถูกล็อกล้อโดยเจ้าหน้าที่เทศกิจ (ในกรณีจอดริมถนน)
สิ่งเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้แม้จอดในคอนโดที่มี รปภ. เพราะหลายโครงการไม่มีระบบกล้อง CCTV ครอบคลุมทุกจุด หรือไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดเวลา โดยเฉพาะในเวลากลางคืน

ที่จอดรถคอนโด ควรมีกี่เปอร์เซ็นต์?
ตามกฎหมายไม่ได้มีการระบุจำนวนเปอร์เซ็นต์ที่จอดรถ แต่จะมีหลักในการคำนวณตามกฎหมายควบคุมอาคารของไทย คือ
- คำนวณตามพื้นที่ใช้สอยของห้องชุด
- ในเขตกรุงเทพฯ: ห้องที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 60 ตร.ม.ขึ้นไป ต้องมีที่จอดรถ 1 คันต่อ 1 ห้อง
- นอกเขตกรุงเทพฯ: ห้องที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 60 ตร.ม.ขึ้นไป ต้องมีที่จอดรถ 1 คันต่อ 2 ห้อง
- คำนวณตามขนาดของอาคาร
- ในเขตกรุงเทพฯ: ทุกๆ พื้นที่ก่อสร้าง 120 ตร.ม. ต้องมีที่จอดรถ 1 คัน
- นอกเขตกรุงเทพฯ: ทุกๆ พื้นที่ก่อสร้าง 240 ตร.ม. ต้องมีที่จอดรถ 1 คัน
โดยจะใช้ทั้งสองเกณฑ์ในการคำนวณ แล้วเลือก “จำนวนที่มากกว่า” เป็นเกณฑ์บังคับ จะเห็นว่าตามกฎหมายไม่ได้บอกเป็นเปอร์เซ็นต์ที่จอดรถที่แน่นอนสำหรับคอนโด แต่เราก็ควรเลือกที่เยอะหน่อย แนะนำว่าควรเลือกที่จอดรถ 70%-100% ขึ้นไป หรือมีที่เช่าประจำสำหรับการจอดรถ
ลดความเสี่ยงจากการจอดรถในคอนโดยังไงได้บ้าง?
แนวทางลดความเสี่ยงจากการจอดรถในคอนโด ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง ทั้งในฐานะเจ้าของห้อง ผู้เช่า หรือคนที่กำลังตัดสินใจซื้อคอนโด มีดังนี้
1. ตรวจสอบสิทธิ์ที่จอดรถในสัญญา ก่อนซื้อหรือเช่าคอนโด
คอนโดทุกแห่งไม่ได้มีที่จอดรถให้ทุกยูนิต ดังนั้นจึงควรตรวจสอบให้ดีก่อนซื้อหรือเช่า โดยมีสิ่งที่ควรตรวจสอบดังนี้
- คุณมีสิทธิ์จอดรถกี่คัน
- เป็นที่จอดประจำ (กำหนดเลขทะเบียนที่จอดได้) หรือที่จอดรถแบบหมุนเวียน
- สิทธิ์การใช้ที่จอดรถครอบคลุมเฉพาะเจ้าของ หรือรวมผู้เช่าด้วยหรือไม่
- คิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมหรือไม่
2. หลีกเลี่ยงคอนโดที่มีอัตราส่วนที่จอดรถต่ำ
คอนโดบางแห่งมีที่จอดรถเพียง 30%-50% ของจำนวนยูนิตเท่านั้น ยังไม่ได้รวมว่า 1 ยูนิตอาจมีรถ 1-2 คัน ซึ่งอาจทำให้ต้องแย่งกันจอด หรือไม่มีที่จอดเลยในชั่วโมงเร่งด่วน แนะนำว่าควรเลือกที่จอดรถ 70%-100% ขึ้นไป หรือถ้าคุณมีรถมากกว่า 1 คัน ให้เลือกโครงการที่สามารถซื้อ/เช่าที่จอดรถเพิ่มได้
3. สำรวจระบบรักษาความปลอดภัยในที่จอดรถ
แม้จะมีที่จอดแต่ถ้าปลอดภัยไม่พอ ก็เสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์รถหาย รถโดนขูด หรือโจรกรรมทรัพย์สินภายในรถได้ ดังนั้นจึงควรตรวจสอบสิ่งที่ควรมีให้ดีก่อน ดังนี้
- กล้องวงจรปิด (CCTV) ครอบคลุมทุกจุดจอด
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ระบบเข้า-ออกด้วยคีย์การ์ด
- ระบบบันทึกทะเบียนรถของผู้เข้าออก

จอดรถที่คอนโด ควรใช้ประกันแบบไหน?
หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังมองหาความอุ่นใจ เมื่อต้องจอดรถในที่จอดรถคอนโด ด้วยการเลือกซื้อความคุ้มครองจากประกันรถ แต่ไม่รู้ว่าควรจะเลือกแบบไหนดี รู้ใจลิสต์ประเภทประเภทที่คุ้มครองมาให้แล้ว โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ประกันรถยนต์ ชั้น 1
ถ้าคุณต้องจอดรถในพื้นที่เสี่ยง เช่น จอดซ้อนคัน จอดริมถนน หรือจอดในพื้นที่ที่ไม่ได้ระบุไว้ในสัญญา ประกันรถชั้น 1 จะช่วยให้คุณอุ่นใจมากที่สุด เพราะครอบคลุมความเสียหายจากการชน (แม้ไม่มีคู่กรณีหรือถูกชนแล้วหนี), ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือภัยธรรมชาติ รวมถึงการโจรกรรมรถ และรถเสียหายจากการกระทำของบุคคลภายนอก (กรีดรถ, ทุบกระจก)
ประกันรถยนต์ชั้น 2+ และ 3+
ราคาย่อมเยาลงมา แต่ให้ความคุ้มครองเฉพาะการชนกรณีมีคู่กรณีเท่านั้น เช่น รถถูกชนโดยคันอื่น แต่ไม่คุ้มครองในกรณีจอดรถไว้เฉย ๆ แล้วโดนชนแล้วหนี หมายความว่าประกันประเภทนี้ “ไม่เหมาะกับการจอดริมถนน หรือจอดในที่ที่ไม่มีคนดูแล” โดยแตกต่างกันคือ
- ประกันรถยนต์ชั้น 2+ คุ้มครองรถจากการชนแบบมีคู่กรณี น้ำท่วม (ไม่คุ้มครองภัยธรรมชาติอื่น) การโจรกรรม ไฟไหม้ และบุคคลภายนอก
- ประกันรถยนต์ชั้น 3+ คุ้มครองรถจากการชนแบบมีคู่กรณี และบุคลภายนอก (ไม่คุ้มครองน้ำท่วม ไฟไหม้ รถถูกขโมย)
ประกันรถยนต์ ชั้น 2 และ 3
ประกันชั้น 2 และประกันชั้น 3 ราคาย่อมเยาที่สุด แต่ไม่ได้คุ้มครองค่าซ่อมรถเราเลย จึงไม่เหมาะกับรถที่จอดที่คอนโดแล้วโดนชน
สามารถอ่านรายละเอียดความคุ้มครองประกันรถยนต์แบบเข้าใจง่ายโดยคลิกอ่านความคุ้มครองประกันรถยนต์
ประกันคอนโด คุ้มครองรถยนต์มั้ย?
หลายคนอาจมีประกันคอนโดติดไว้ จนชะล่าใจว่าทรัพย์สินทุกอย่างจะได้รับความคุ้มครอง แต่ประกันคอนโดไม่คุ้มครองรถยนต์ เพราะประกันคอนโดจะคุ้มครองเฉพาะทรัพย์สินภายในห้องชุด เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า จากความเสียหายจากไฟไหม้ น้ำรั่ว โจรกรรม ฯลฯ แต่ไม่รวมรถยนต์ที่จอดในคอนโด
แล้วถ้ารถยนต์ที่จอดในคอนโด โดนเฉี่ยว/ชน ของตกใส่ หรือมีรอยขีดข่วน กรณีแบบนี้จะต้องใช้ประกันภัยรถยนต์ในการเคลม โดยเฉพาะประกันชั้น 1 ที่ครอบคลุมการชนแบบไม่มีคู่กรณี
ปัญหาที่จอดรถคอนโดในตอนแรกอาจดูเล็กน้อย แต่สามารถกลายเป็นปัญหาใหญ่ในระยะยาวได้ หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี ดังนั้นการเลือกโครงการที่มีสัดส่วนที่จอดรถเพียงพอ การมีประกันภัยที่ครอบคลุม และการจัดการพื้นที่จอดอย่างมีระบบ จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตคอนโดได้อย่างไร้กังวล หมดปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพอกวนใจ
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้ เกี่ยวกับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ด้านสุขภาพ รวมถึงเกร็ดความรู้เกี่ยวกับประกันภัยต่าง ๆ ได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือเพิ่มเพื่อนทาง LINE ได้เลย (Official LINE ID: @roojai)
คำจำกัดความ
| เจ้าหน้าที่เทศกิจ | บุคคลที่ปฏิบัติงานในฝ่ายเทศกิจของหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น มีหน้าที่ดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง บังคับใช้กฎหมายและข้อบัญญัติท้องถิ่น รวมทั้งดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน |
| เขตเมือง | พื้นที่ที่มีลักษณะเป็นชุมชนที่มีความหนาแน่นของประชากรสูง มีโครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น |
| ชั่วโมงเร่งด่วน | ช่วงเวลาที่ผู้คนจำนวนมากเดินทางไปทำงาน หรือกลับจากทำงาน |