
ปัจจุบันค่าน้ำมันเชื้อเพลิงมีความผันผวนและสูงขึ้นเรื่อย ๆ รถติดแก๊ส จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมไม่ต่างจากอดีต แม้ว่าจะมีรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาตีตลาดก็ตาม หากคุณอยากประหยัดค่าน้ำมันด้วยวิธีนี้เช่นกัน และกำลังศึกษาเรื่องความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ รวมถึงหากนำรถไปติดแก๊สต้องแจ้งใครบ้าง มีขั้นตอนอะไรบ้างที่ต้องรู้ บทความนี้มีคำตอบ
สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!
- รถติดแก๊ส LPG และ NGV คืออะไร?
- ทำไมรถติดแก๊สถึงนิยม?
- เปลี่ยนเป็นรถติดแก๊ส ต้องแจ้งใครบ้าง?
- ประกันภัยรถยนต์คุ้มครองรถติดแก๊ส LPG และ NGV มั้ย?
- รถติดแก๊สควรทำประกันภัยรถยนต์แบบไหน?
- รถติดแก๊สแบบไหน เคลมประกันรถยนต์ไม่ได้?
รถติดแก๊ส LPG และ NGV คืออะไร?
รถติดแก๊สคือ การนำรถยนต์ไปติดตั้งระบบจ่ายพลังงานเชื้อเพลิงด้วย “แก๊ส” เพิ่มเติม ทำให้สามารถใช้งานได้ทั้ง 2 ระบบ คือแก๊สและน้ำมันเชื้อเพลิง ปัจจุบันมีแก๊สให้เลือก 2 ประเภท คือ LPG และ NGV ซึ่งมีความแตกต่างกัน ดังนี้
1. LPG
LPG เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับคนใช้รถทั่วไป เติมไว ไม่ต้องรอนาน โดย LPG ย่อมาจากคำว่า Liquefied petroleum gas คือ “แก๊สหุงต้ม” ที่ใช้งานทั่วไป ประกอบไปด้วยโพเพนและบิวเทน ซึ่งได้มาจากการกลั่นน้ำมันดิบของโรงกลั่น รวมถึงการได้จากวิธีการแยกก๊าซธรรมชาติ มีลักษณะเป็นของเหลว ส่วนใหญ่นิยมมาใช้ทดแทนน้ำมันเบนซิน รวมถึงรถยนต์ทั่วไป (ทั้งนี้สามารถใช้แทนได้ทั้งเบนซินและดีเซล)
2. NGV
นิยมกันในรถโดยสารส่วนบุคคลหรือแท็กซี่ โดย NGV ย่อมาจากคำว่า Natural Gas for Vehicles คือแก๊สที่ได้จากการทับถมกันในซากพืชและซากสัตว์ หรือที่หลายคนนิยมเรียกกันว่า “แก๊สธรรมชาติอัด” ส่วนประกอบหลักจะเป็นมีเทน ซึ่งนำไปบรรจุในถังที่มีความแข็งแรงมาก แถม NGV ยังมีน้ำหนักน้อยกว่า LPG ทำให้ในปัจจุบันถูกนำมาใช้ทดแทนน้ำมันดีเซลมากกว่าเบนซิน
Tips: LPG และ NGV เลือกอะไรดี?
สำหรับคนที่อยากใช้งานรถติดแก๊ส แต่ไม่รู้ว่าแบบไหนเหมาะสมมากกว่ากัน ระหว่าง LPG หรือ NGV ลองมาดูข้อได้เปรียบของทั้ง 2 ตัวกัน
- น้ำหนักรถยนต์ – การนำรถติดแก๊ส LPG ตัวรถอาจต้องรับน้ำหนักมากกว่า NGV เพราะแก๊สภายในมีน้ำหนักต่างกันตาม ‘สถานะ’
- การสนับสนุนจากรัฐ – รถติดแก๊ส NGV จะได้เปรียบมากกว่า เพราะรัฐให้การสนับสนุน ทำให้มีค่าเชื้อเพลิงต่ำกว่า
- สิ่งแวดล้อม – แก๊ส NGV มีการเผาไหม้ที่สมบูรณ์มากกว่า ทำให้สร้างมลพิษต่อสภาพแวดล้อมค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับรถติดแก๊ส LPG
- ความปลอดภัย – แก๊ส NGV มีน้ำหนักเบากว่าอากาศ จึงมีความเสี่ยงน้อยกว่า โดยเฉพาะเมื่อเกิดการรั่วซึม ตัวแก๊สจะลอยขึ้นด้านบน ทำให้เกิดอันตรายน้อยกว่ารถติดแก๊ส LPG
แต่ถึงอย่างนั้นรถติดแก๊ส LPG ยังมี “ข้อดี” มากกว่า LPG หลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นมีค่าติดตั้งที่ถูกกว่า มีสถานีบริการเยอะกว่า แถมยังใช้เวลาเติมแก๊สน้อยกว่า เฉลี่ยประมาณ 5-7 นาทีเท่านั้น แนะนำให้ทำความเข้าใจ “ข้อดีและข้อเสีย” อื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อการตัดสินใจก่อนใช้รถติดแก๊สที่มีประสิทธิภาพ
ทำไมรถติดแก๊สถึงนิยม?
เหตุผลหลักที่ทำให้คนไทยหันมาใช้แก๊สแทนน้ำมันคือ “ความประหยัด” ท่ามกลางราคาน้ำมันที่ผันผวนและสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนใช้รถจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ใช้รถทุกวัน เช่น รถแท็กซี่ รถส่งของ หรือคนที่เดินทางไกลเป็นประจำ มองเห็นว่าการติดแก๊สสามารถลดค่าใช้จ่ายในการเติมเชื้อเพลิงได้หลายพันบาทต่อเดือน เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและคืนทุนได้เร็ว โดยมีจุดดี-จุดด้อย ดังนี้
ข้อดี
- ประหยัดค่าน้ำมัน ค่าแก๊สถูกกว่าน้ำมัน 2-3 เท่า
- คุ้มทุนเร็ว ยิ่งวิ่งเยอะ ยิ่งคุ้มค่าติดตั้งภายในไม่กี่เดือน
- เป็นพลังงานสะอาด ลดควันดำ (โดยเฉพาะ NGV)
- มีสถานีบริการรองรับเยอะ (โดยเฉพาะ LPG)
ข้อสังเกต
- พื้นที่เก็บของหายไป เพราะถังแก๊สกินพื้นที่ท้ายรถ
- น้ำหนักรถเพิ่มขึ้น ทำให้การเร่ง, เบรค, และการกินยางมากขึ้น
- ต้องตรวจเช็คระบบแก๊สทุกปี
- สมรรถนะอาจลดลง ในรถบางรุ่นอาจเร่งไม่ไม่ได้เท่าเดิมเมื่อใช้แก๊ส
- ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงกว่า เนื่องจากแก๊สที่ติดตั้งนั้นมีโอกาสติดไฟได้ง่ายกว่า เร็วกว่า
- รถติดแก๊สจะเสื่อมราคามากกว่าเดิม เนื่องด้วยเหตุผลอย่างการทำให้ระยะยาวเครื่องยนต์เสื่อมถอย และความเสี่ยงการใช้งานอีกหลายด้าน จึงทำให้การขายมือสองมีราคาต่ำลง
เปลี่ยนเป็นรถติดแก๊ส ต้องแจ้งใครบ้าง?
อีกหนึ่งประเด็นที่คนอยากใช้รถติดแก๊สจำเป็นต้องรู้ คือ “การแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้อง” ซึ่งหลัก ๆ แล้วมี 2 ฝ่ายที่ต้องแจ้งดังนี้
1. แจ้งเปลี่ยนระบบเชื้อเพลิงกับกรมการขนส่งทางบก
เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีขั้นตอนการแจ้งดังนี้
- ต้องมีการนำรถเข้าตรวจสภาพกับผู้ตรวจและทดสอบตามข้อกำหนดของกรมขนส่งทางบก เพื่อรับหนังสือรับรองการตรวจสอบและทดสอบ จากนั้นยื่นต่อกรมขนส่งภายใน 15 วัน หากเกินกำหนดถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย
- เตรียมเอกสารที่ต้องยื่น คือ
- แบบฟอร์มคำของสำนักงานขนส่ง
- ใบคู่มือจดทะเบียนรถตัวจริง และสำเนา
- บัตรประชาชนตัวจริงและสำเนา
- ใบเสร็จค่าคิดตั้ง และ หนังสือรับรองการติดตั้ง จากบริษัทผู้ติดตั้ง
- ใบรับรองการตรวจสอบการติดตั้งจากผู้ตรวจและทดสอบ พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง
- หนังสือมอบอำนาจ (หากไม่สามารถดำเนินการด้วยตนเอง) พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ
- หากรถติดไฟแนนช์ไม่ต้องขอหนังสือมอบอำนาจจากไฟแนนช์ก็สามารถใช้หลักฐานของผู้ครอบครองรถยื่นได้
- เดินทางไปที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 5 และสำนักงานขนส่งทุกเขตพื้นที่
- ชำระค่าธรรมเนียม
(ที่มา: ฐานข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ GINFO)
2. แจ้งบริษัทประกัน
เพื่อให้รถติดแก๊สได้รับความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะมีการเพิ่มเบี้ยประกันเล็กน้อย แต่สบายใจกว่า เพราะถ้าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมา ชุดอุปกรณ์แก๊สที่ติดตั้งเพิ่มเติม ก็จะได้รับคุ้มครองด้วยเช่นกัน โดยมีขั้นตอนการแจ้งบริษัทประกันภัย ดังนี้
- แจ้งผ่านตัวแทน นายหน้า หรือแจ้งไปยังบริษัทประกันภัยโดยตรง
- ส่งเอกสารรายการจดทะเบียนที่แจ้งเปลี่ยนแปลงประเภทเชื้อเพลิง ที่ทำไว้กับกรมการขนส่งทางบก พร้อมด้วยใบเสร็จค่าติดตั้งชุดอุปกรณ์แก๊สรถยนต์ไปยังบริษัทประกันภัย
ประกันภัยรถยนต์คุ้มครองรถติดแก๊ส LPG และ NGV มั้ย?
บริษัทประกันส่วนใหญ่คุ้มครอง แต่ต้องมีการแจ้งให้บริษัทประกันทราบว่ามีการติดแก๊ส ซึ่งอาจต้องมีการจ่ายค่าเบี้ยประกันในส่วนของอุปกรณ์ตกแต่งรถ เพราะโดยปกติแล้วประกันรถยนต์จะให้ความคุ้มครองตัวรถและอุปกรณ์ที่ติดมากับรถตามมาตรฐานที่ติดตั้งมากับรถยนต์โดยโรงงาน แต่การติดตั้ง “แก๊ส” ถือเป็นการติดตั้งอุปกรณ์หลังจากที่ซื้อรถมาแล้ว ดังนั้นจึงเป็นการแต่งรถเพิ่มเติมนั่นเอง
รถติดแก๊สควรทำประกันภัยรถยนต์แบบไหน?
รถติดแก๊สเหมาะกับประกันภัยรถยนต์ ที่ให้ความคุ้มครองกรณีไฟไหม้ เนื่องจากรถติดแก๊สมีความเสี่ยงเกิดไฟไหม้รถ ‘มากกว่า’ รถใช้น้ำมัน ซึ่งประกันรถยนต์ที่จะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดจากไฟไหม้รถแต่ละประเภท มีเงื่อนไขที่แตกต่างกันดังนี้
- ประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองครอบคลุมทุกกรณี ไม่ว่าชนแบบมีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณี รวมถึงไฟไหม้รถ ภัยธรรมชาติ การโจรกรรม ฯลฯ
- ประกันรถชั้น 2+ คุ้มครองการชนเฉพาะอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณีเท่านั้น และคุ้มครองไฟไหม้รถ การโจรกรรม ฯลฯ
- ประกันชั้น 2 ไม่คุ้มครองค่าซ่อมรถหากเกิดการชน แต่ให้ความคุ้มครองไฟไหม้รถ การโจรกรรม ฯลฯ
รถติดแก๊สแบบไหน เคลมประกันรถยนต์ไม่ได้?
แม้บริษัทประกันภัยจะให้ความคุ้มครองรถติดแก๊ส แต่ยังมี “เงื่อนไข” ที่จำเป็นต้องทำความเข้าใจให้ดี เพราะไม่อย่างนั้นอาจทำให้เคลมประกันไม่ได้ โดยเงื่อนไขที่บริษัทประกันภัยไม่ให้ความคุ้มครองจะมีอะไรบ้าง? ตามไปเช็คประกันกันเลย
1. ติดแก๊สแล้วไม่แจ้งให้บริษัทประกันภัยทราบ
เงื่อนไขข้อแรกที่บริษัทประกันภัยจะไม่ให้ความคุ้มครอง คือ “ไม่แจ้งให้บริษัทฯ ทราบ” ก่อนทําประกันรถยนต์ หรือไม่แจ้งให้บริษัทประกันทราบว่าติดแก๊สระหว่างอยู่ในความคุ้มครอง เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ผู้เอาประกันอาจไม่สามารถเคลมประกันได้
2. ติดตั้งแก๊สรถยนต์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบันรถติดแก๊ส LPG และ NGV ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้ให้บริการหลายเจ้า หากคุณติดตั้งแก๊สที่ตัวถังไม่มีคุณภาพ ไม่ได้มาตรฐาน มอก. หรือมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม บริษัทประกันภัยจะไม่คุ้มครองในส่วนนี้ เพราะแก๊สเป็นเชื้อเพลิงที่เสี่ยงเกิดเพลิงไหม้ได้ง่าย
3. ติดแก๊สแล้วไม่แจ้งกรมการขนส่งทางบก
หากตรวจพบว่าผู้ทำประกันไม่ได้แจ้งกรมการขนส่งทางบกให้ทราบ ทางบริษัทประกันภัยก็จะไม่ให้ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยด้วยเช่นกัน
ก่อนตัดสินใจทำประกันรถยนต์นอกจากจะต้องตรวจสอบกรมธรรม์ให้ถี่ถ้วนแล้ว อย่าลืมเช็ค “เงื่อนไขและข้อยกเว้น” เพิ่มเติม เพื่อป้องกันการเสียสิทธิ์ในการเคลมประกัน เนื่องจากแต่ละบริษัทฯ และแต่ละประเภทประกันภัยรถยนต์ ต่างมีเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์แตกต่างกันนั่นเอง
ต้องบอกไว้เลยว่ารถติดแก๊สไม่ได้อันตรายหรือเสี่ยงเกินไปอย่างที่หลายคนคิด แถมยังมีข้อดีหลายอย่าง แต่แนะนำว่าควรพิจารณาร้านติดตั้งมาตรฐานก่อนตัดสินใจติดตั้ง รวมถึงเช็คกรมธรรม์ประกันรถยนต์ที่ทำไว้ก่อน ว่าให้ความคุ้มครองหรือไม่ เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน จะได้ไม่เสียสิทธิ์ในการแจ้งเคลมประกันนั่นเอง
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้ เกี่ยวกับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ด้านสุขภาพ รวมถึงเกร็ดความรู้เกี่ยวกับประกันภัยต่าง ๆ ได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือเพิ่มเพื่อนทาง LINE ได้เลย (Official LINE ID: @roojai)
คำจำกัดความ
มาตรฐาน มอก. | ย่อมาจาก “มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม” เป็นมาตรฐานที่ถูกกำหนดภายใต้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับสินค้าที่มีคุณภาพและปลอดภัย และควบคุมคุณภาพสินค้าในประเทศ โดยเฉพาะสินค้าที่อาจเป็นอันตราย รวมไปถึงการส่งเสริมอุตสาหกรรมไทยให้มีมาตรฐานเทียบเท่าสากล |