รู้ลึก! การคำนวณเบี้ยประกันรถมอเตอร์ไซค์ ทำไมถูก-แพงไม่เท่ากัน?

หนึ่งในประเด็นที่หลายคนสงสัยไม่ว่าจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์ คือ ทำไมถึงมีเบี้ยประกันภัยที่ต่างกัน แม้จะเป็นประกันมอเตอร์ไซค์เหมือนกัน ปกติมีการคำนวณเบี้ยประกันจากอะไร หรือมีข้อมูลไหนที่คนมีรถจำเป็นต้องรู้บ้าง บทความนี้มีคำตอบ

อย่างที่ทุกคนสงสัยว่าทำไม เบี้ยประกันภัยของแต่ละประเภทหรือของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนจ่ายแพง บางคนจ่ายค่าเบี้ยประกันถูก เพราะเบี้ยประกันภัยไม่ได้ถูกกำหนดแค่ตามประเภทของประกันเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เข้ามามีผลด้วย ตัวอย่างเช่น

1. ประเภทของประกัน

ปัจจัยแรกที่ส่งผลต่อค่าเบี้ยประกัน คือ ประเภทของประกันที่เลือกทำ อย่างที่ทราบกันดีว่าประกันภัยภาคสมัครใจมีให้เลือกหลายแบบทั้งประกันชั้น 1, 2+, 2, 3+ และ 3 แต่ละแบบมีความคุ้มครองที่ต่างกัน เบี้ยประกันจึงต่างกันไปด้วย

2. รุ่นและยี่ห้อรถ

ในส่วนของรุ่นและยี่ห้อรถก็มีผลต่อค่าเบี้ยประกันด้วย เช่น มอเตอร์ไซค์คันเล็ก มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ โดยรถมอเตอร์ไซค์ที่มีมูลค่าสูงหรือเป็นรุ่นที่อะไหล่หายาก แน่นอนว่าค่าเบี้ยประกันก็จะแพงกว่า เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง และความเสี่ยงต่อการถูกขโมยสูง เป็นต้น นอกจากนั้น

• รถเล็ก (ขนาดต่ำกว่า 150cc) เบี้ยประกันจะถูกกว่า เพราะมักใช้ในระยะใกล้ ความเสี่ยงน้อยกว่า
• รถบิ๊กไบค์ (ขนาด 150cc ขึ้นไป) เบี้ยประกันจะแพงกว่า เพราะขับเร็ว แรง ทำให้ความเสี่ยงของความเสียหายเมื่อเกิดอุบัติเหตุจะสูงกว่า

3. อายุและปีจดทะเบียนของรถ

อายุและปีจดทะเบียนของรถส่งผลโดยตรงกับค่าเบี้ยประกัน เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่กำหนดมูลค่าตลาดที่บริษัทประกันใช้คำนวณทุนประกัน โดยรถมอเตอร์ไซค์ใหม่ เบี้ยแพงกว่า เพราะมูลค่าสูง ส่วนรถเก่า เบี้ยจะถูกลงมา สำหรับรถที่เก่ามาก ๆ บริษัทประกันอาจไม่รับประกันภัยสำหรับประกันมอเตอร์ไซค์ชั้น 1 แต่สามารถทำประกันประเภทอื่น ๆ ได้

4. ผู้ขับขี่

คนขับอายุน้อยหรือเพิ่งมีใบขับขี่ไม่นาน เบี้ยประกันจะสูง เพราะประสบการณ์น้อย มีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุสูง นอกจากนั้นการระบุชื่อผู้ขับขี่ว่าใครขับรถมอเตอร์ไซค์คันนั้นบ้างจะช่วยลดค่าเบี้ยประกันลงมาได้

5. ประวัติการขับขี่

บริษัทประกันจะใช้ข้อมูลประวัติการขับขี่ เพื่อประเมินความเสี่ยงว่า คุณมีแนวโน้มที่จะเกิดอุบัติเหตุหรือเคลมประกันโดยเป็นฝ่ายผิดบ่อยแค่ไหน ซึ่งส่งผลต่อเบี้ยประกัน โดยคนที่เคยมีการเคลมบ่อย ๆ หรือมีประวัติอุบัติเหตุ เบี้ยอาจสูงกว่าคนที่ไม่เคยเคลมเลย บางกรณีหากคุณมีการเคลมบ่อยมาก บริษัทประกันอาจพิจารณาไม่รับประกันภัย

6. พื้นที่การใช้งาน

หากคุณขับรถในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น หรือมีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุสูง เช่น ในเมืองใหญ่ เบี้ยประกันจะสูงขึ้น เนื่องจากความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุมากกว่าพื้นที่ที่มีการจราจรเบาบาง อย่างในชนบท รวมไปถึงพิจารณาเรื่องพื้นที่ที่มีการโจรกรรมบ่อยก็มีการพิจารณาร่วมด้วย

จากข้อมูลที่เรารวบรวมมาให้ จะเห็นได้ว่าประกันรถมอเตอร์ไซค์ก็มีความสำคัญ ไม่ต่างจากประกันรถยนต์เลย  แถมยังมีการคำนวณเบี้ยประกันที่แตกต่างออกไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ แนะนำให้เช็คเบี้ยประกันก่อนตัดสินใจซื้อ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้ได้รับความคุ้มครองในราคาที่ตอบโจทย์

สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้ เกี่ยวกับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ด้านสุขภาพ รวมถึงเกร็ดความรู้เกี่ยวกับประกันภัยต่าง ๆ ได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือเพิ่มเพื่อนทาง LINE ได้เลย (Official LINE ID: @roojai)

คำจำกัดความ

ประกันมอเตอร์ไซค์ภาคสมัครใจ	ประกันภัยที่เจ้าของรถจักรยานยนต์สามารถเลือกซื้อเพิ่มเติมจากประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เพื่อเพิ่มความคุ้มครองในกรณีต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานรถ เช่น ค่าซ่อมรถ น้ำท่วม รถถูกขโมย เป็นต้น
ไม่รับประกันภัย	กรณีที่บริษัทประกันภัย ปฏิเสธการรับทำประกัน ให้กับบุคคลหรือทรัพย์สินบางประเภท เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงเกินกว่าที่บริษัทจะรับได้ หรือไม่อยู่ในเงื่อนไขที่บริษัทกำหนดไว้