Roojai

วิธีเตรียมตัวก่อนการทำเลสิค ใครควรทำ ประกันสุขภาพคุ้มครองมั้ย?

Article Roojai Verified
วิธีเตรียมตัวและเรื่องควรรู้ก่อนทำเลสิค | รู้ใจมีคำตอบ

สำหรับคนที่มีปัญหาทางด้านสายตาและอยากแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น ยาว หรือเอียง การทำเลสิคเป็นหนึ่งในทางเลือกยอดนิยม ตอบโจทย์คนที่ไม่อยากพึ่งพาแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ตลอดเวลา แต่ก่อนจะตัดสินใจทำเลสิคควรเตรียมตัวยังไง เหมาะกับใครบ้าง รวมถึงประกันสุขภาพและประกันสังคมครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนนี้หรือไม่ รู้ใจหาคำตอบมาให้แล้ว

สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!

การทำเลสิคคืออะไร เหมาะกับใคร?

เลสิค (LASIK) ย่อมาจากคำว่า Laser-Assisted In Situ Keratomileusis เลสิค คือ การผ่าตัดแก้ไขสายตาด้วยเลเซอร์ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะปรับความโค้งของกระจกตาให้เหมาะสม เพื่อให้แสงโฟกัสลงบนจอประสาทตาได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาสายตามองเห็นชัดขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์

ใครบ้างที่เหมาะกับการทำเลสิค?

การทำเลสิคไม่เหมาะกับทุกคน ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่ทุกคนที่มีปัญหาเรื่องสายตามาทำเลสิคแล้วจะดี ไม่เสมอไป เนื่องจากแพทย์จะมีเกณฑ์พื้นฐานในการพิจารณาก่อน ซึ่งใครบ้างที่เหมาะกับการทำเลสิคบ้าง ตามไปดูกันเลย

  • อายุ 18 ขึ้นไป โดยเฉพาะช่วงอายุ 20-40 ปี ที่ค่าสายตาคงที่อย่างน้อย 1 ปี
  • ไม่มีโรคเกี่ยวกับสายตา เช่น ต้อหิน ต้อกระจก จอประสาทตาฉีกขาด หรือกระจกตาบางผิดปกติ
  • ไม่มีภาวะตาแห้งรุนแรง เพราะหลังผ่าตัดเลสิคอาจทำให้ตาแห้งมากขึ้น
  • ค่าสายตาไม่เปลี่ยนบ่อย หากค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย หรือมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นรวดเร็ว แพทย์อาจแนะนำให้รอก่อน
  • สุขภาพร่างกายแข็งแรง โรคบางอย่าง เช่น โรคภูมิคุ้มกัน เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ อาจมีผลต่อการหายของแผล
ข้อดีและข้อจำกัดของการทำเลสิค | รู้ใจมีคำตอบ

ข้อดีและข้อจำกัดของการทำเลสิค มีอะไรบ้าง?

การทำเลสิคนับเป็นหนึ่งใน “การทำหัตถการ” ที่มีข้อดีและข้อจำกัดที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้คุณตัดสินใจแม่นยำมากขึ้น ดังนี้

ข้อดีของการทำเลสิค

  1. ลดการพึ่งพาแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์
  2. สายตาดีขึ้นทันทีภายใน 24 ชั่วโมง และมักจะชัดเจนเต็มที่ภายใน 1 สัปดาห์
  3. ใช้เวลาทำเลสิคประมาณ 10-15 นาทีต่อข้าง ใช้เพียงยาชาหยอดตา ไม่ต้องวางยาสลบ
  4. สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันเบา ๆ ได้ใน 1-3 วัน และทำงานได้ภายใน 1 สัปดาห์
  5. ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ไม่ต้องซื้อแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ซ้ำ ๆ

ข้อจำกัดของการทำเลสิค

  1. ไม่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีกระจกตาบาง ต้อหิน จอประสาทตาฉีก รวมถึงผู้ที่มีภาวะตาแห้งรุนแรง หรือหญิงตั้งครรภ์
  2. เมื่ออายุมาก (วัย 40 ขึ้นไป) อาจยังต้องพึ่งแว่นอ่านหนังสือ เนื่องจากเลสิคไม่ได้ป้องกันสายตายาวตามอายุ
  3. บางรายอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น แสงกระจายตอนกลางคืน, ตาแห้งชั่วคราว (บางรายอาจเป็นเรื้อรัง), การมองเห็นเบลอเล็กน้อยในช่วงแรก
  4. เมื่อเวลาผ่านไปค่าสายตาอาจมีการเปลี่ยนแปลง บางกรณีอาจต้องทำเลสิคซ้ำ

ก่อนทำเลสิค ต้องเตรียมตัวยังไง?

หากประเมินแล้วว่าตัวคุณเองสามารถผ่าตัดเลสิคได้ เช่น ค่าสายตาคงที่มาแล้วอย่างน้อย 1 ปี มีอายุอยู่เกณฑ์ที่สามารถทำได้ หรือมีสุขภาพโดยรวมแข็งแรง ไม่มีผลต่อการหายของแผล เพื่อให้ผลการรักษาออกมาดีที่สุด ควรเตรียมตัว ‘ล่วงหน้า’ อย่างรอบคอบ ดังนี้

1. งดใส่คอนแทคเลนส์ก่อนผ่าตัดเลสิค

แนะนำว่าควรงดใส่คอนแทคเลนส์ชนิดนิ่มอย่างน้อย 3 วัน หรือถ้าคุณใช้คอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง ควรงดใช้ 2-4 สัปดาห์ เนื่องจากคอนแทคเลนส์อาจเปลี่ยนรูปกระจกตา ส่งผลต่อการวัดค่าสายตา

2. ตรวจประเมินโดยจักษุแพทย์

ก่อนทำเลสิคต้องเข้ารับการตรวจวิเคราะห์สายตา (โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ) อย่างละเอียด ดังนี้

3. หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในวันผ่าตัด

ในวันทำเลสิคควรงดการใช้เครื่องสำอางบริเวณใบหน้าและรอบดวงตา ไม่ว่าจะเป็นอายไลเนอร์, มาสคาร่า รวมถึงรองพื้น นอกจากนี้ยังควรงวดใส่น้ำหอม น้ำมัน หรือเจลใส่ผมที่มีกลิ่น เพราะมีผลต่อการทำเลเซอร์

ประกันสุขภาพ ประกันสังคมคุ้มครองการทำเลสิคมั้ย | รู้ใจมีคำตอบ

4. เตรียมคนดูแลหลังผ่าตัด

เพราะหลังจากผ่าตัดเลสิคจะมองไม่ชัดชั่วคราว ควรเตรียมญาติหรือผู้ดูแลมารับหลังทำเลสิค รวมถึงควรเตรียมแว่นกันแดดป้องกันแสง UV เอาไว้ด้วย

หมายเหตุ: ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น ตาแดง มีขี้ตามาก เป็นหวัด ไอ มีไข้สูง ฯลฯ ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบล่วงหน้าก่อนวันทำเลสิค

ทำเลสิค ที่ไหนดี เลือกยังไงให้ตอบโจทย์?

เน้นเลือกประสบการณ์แพทย์ ความล้ำสมัยในเครื่องมือ และเหมาะสมกับค่าใช้จ่าย การเลือกสถานที่ทำเลสิคเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเกี่ยวข้องกับสุขภาพตาและคุณภาพชีวิตในระยะยาว ถ้าเลือกผิดอาจส่งผลต่อการมองเห็นหรือการพักฟื้นได้ ดังนั้นก่อนตัดสินใจควรพิจารณาปัจจัยดังต่อไปนี้

  1. ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์ เลือกสถานพยาบาลที่มี “จักษุแพทย์เฉพาะทางเลสิค” ที่มีประสบการณ์สูง พร้อมเช็กว่าศูนย์นั้น ๆ เปิดให้บริการมานานแค่ไหน รวมถึงอ่านรีวิวหรือสอบถามผู้ที่เคยใช้บริการจริง
  2. เทคโนโลยีที่ทันสมัย ศูนย์เลสิคที่ดีควรใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เช่น ReLEx SMILE เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว, FemtoLASIK มีความแม่นยำสูง หรือ Wavefront LASIK วัดค่าความเบี่ยงเบนของแสงเฉพาะบุคคล โดยเทคโนโลยีต่าง ๆ ควรได้รับการรับรองจากองค์การอนามัย หรือสถาบันมาตรฐานระดับสากล
  3. ค่าใช้จ่ายที่โปร่งใสและเหมาะสม โดยทั่วไปทําเลสิค ราคาอยู่ที่ประมาณ 40,000-100,000 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของเลสิค, โรงพยาบาลหรือคลินิกที่เลือก, ประสบการณ์ของแพทย์ และการดูแลหลังผ่าตัด แนะนำให้ขอรายละเอียด “ค่าใช้จ่ายทั้งหมด” รวมถึงเปรียบเทียบราคาจากหลาย ๆ แห่ง ไม่ควรเลือกที่ถูกที่สุดโดยไม่สนใจคุณภาพ

นอกจากนี้ยังควรพิจารณาเรื่องความสะอาด ความปลอดภัย และมาตรฐานสถานพยาบาลด้วย ไม่ว่าจะเป็นความสะอาดของห้องผ่าตัด อุปกรณ์ การดูแลทั่วไป และศูนย์เลสิคควรผ่านการรับรองมาตรฐาน เช่น ISO, HA (Hospital Accreditation) 

ประกันสุขภาพ-ประกันสังคม คุ้มครองการทำเลสิคมั้ย?

ทั้งประกันสุขภาพ ประกันสังคม ไม่คุ้มครองการทำเลสิก เพราะการทำเลสิกเป็นการแก้ไขสายตาที่ไม่ถือเป็นความจำเป็นทางการแพทย์ จึงไม่อยู่ในความคุ้มครอง

หมายเหตุ: ควรเช็คความคุ้มครองประกันโดยละเอียด หรือสอบถามบริษัทประกันก่อนทำการรักษา

หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่มีปัญหาด้านสายตา ไม่อยากพึ่งพาแว่นสายตาหรือคอนแทคเลนส์ในระยะยาว การทำเลสิคถือเป็นทางเลือกที่ดี แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะกับการทำเลสิคเสมอไป การเตรียมตัวที่ดี ตรวจวิเคราะห์สายตาโดยละเอียด และรับฟังคำแนะนำจากจักษุแพทย์จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ รวมถึงควรศึกษาข้อมูลให้ครบทุกด้าน เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากขึ้น

​​สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้ เกี่ยวกับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ด้านสุขภาพ รวมถึงเกร็ดความรู้เกี่ยวกับ​ประกันภัย​ต่าง ๆ ได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือ​เพิ่มเพื่อนทาง LINE​ ได้เลย (Official LINE ID: @roojai)

คำจำกัดความ

HA (Hospital Accreditation) คือกระบวนการที่สถานพยาบาลได้รับการประเมินจากองค์กรภายนอก เพื่อรับรองว่าได้ดำเนินงานตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ โดยมีเป้าหมายคือ การพัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยในการดูแลผู้ป่วย
จักษุแพทย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลดวงตาและการมองเห็น
previous article
< บทความก่อนหน้า

หูอื้อข้างเดียวเกิดจากอะไร? เผย 5 วิธีแก้-เมื่อไหร่ควรพบแพทย์