Roojai

เจาะลึก บทบาทของเทคโนโลยีใหม่ๆ และระบบ AI ในวงการประกันภัยรถยนต์

Article Roojai Verified
บทบาทของเทคโนโลยีใหม่ๆ และระบบ AI ในการประกันภัยรถยนต์

เทรนด์การมาของระบบ AI นับวันเริ่มจะเข้ามาอยู่รอบตัวเรามากขึ้นเรื่อย ๆ ในวงการอุตสาหกรรมประกันภัยเองก็เช่นกัน บทความนี้พาเจาะลึกระบบปัญญาประดิษฐ์ AI ในอุตสาหกรรมประกันภัย ทั้งประโยชน์ ความท้าทาย และการนำมาใช้จริง

สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย! 

อินชัวร์เทค คืออะไร? เกี่ยวกับ AI ยังไง?

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการซื้อประกันภัยรถยนต์ นับเป็นการลงทุนสำหรับชีวิตรูปแบบหนึ่ง เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงทางการเงินของคุณจากอุบัติเหตุบนท้องถนน เพราะหากขับรถชนสักครั้ง ค่าเสียหาย ค่าซ่อมรถ ค่ารักษาพยาบาล อาจต้องใช้เงินเก็บทั้งชีวิตมาจ่ายหรือต้องเป็นหนี้สินไปตลอดชีวิต ความสำคัญของประกันรถสำหรับเจ้าของรถหลายคนจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้

ซึ่งในปัจจุบันมีเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และในวงการประกันภัยรถยนต์หลายคนคงรู้จัก “อินชัวร์เทค (InsurTech)” ซึ่งย่อมาจากคำว่า Insurance ที่แปลว่าประกันภัย และ Technology ที่หมายถึงเทคโนโลยี คือการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในอุตสาหกรรมประกันภัย

ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงประกันภัยได้สะดวกจากทุกที่ทุกเวลา ผ่านช่องทางออนไลน์ ตอบโจทย์โลกยุคดิจิตอล นอกจากนี้ยังช่วยให้บริษัทประกันสามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อให้คำแนะนำที่ตรงใจและเหมาะสมกับลูกค้าแต่ละคนได้มากขึ้น

แล้ว AI เกี่ยวข้องยังไง?

AI หรือ Artificial Intelligence เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่สำคัญมากของ InsurTech ซึ่งสามารถเปรียบ AI เป็นสมองกลของ InsurTech ที่ทำให้การประกันภัยฉลาด ทันสมัย ยืดหยุ่น และตอบโจทย์ทั้งบริษัทประกันภัยและคนซื้อประกันมากขึ้น

ประโยชน์ของเทคโนโลยีใหม่ๆ และ AI ต่อเราในฐานะคนซื้อประกันรถ

บริษัทประกันรถยนต์ใช้ AI ทำอะไรได้บ้าง? 

ในอนาคต ประเทศไทยอาจมีการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ AI ในอุตสาหกรรมประกันภัยมากขึ้น มาดูกันว่า AI มีประโยชน์ยังไงต่อการประกันภัย ยกตัวอย่างเช่น

1. คำนวณเบี้ยประกันที่ยุติธรรม

หนึ่งในปัญหาของการซื้อประกันแบบเดิม คือการคิดเบี้ยประกันโดยรวม โดยอิงแค่จากอายุหรือรุ่นรถ แต่ AI ช่วยให้การประเมินความเสี่ยงทำได้อย่างแม่นยำมากขึ้น โดยนำข้อมูลจาก Telematics (เช่น ความเร็ว การเบรก การเข้าโค้ง) มาวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่ของผู้เอาประกันแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถเสนอเบี้ยประกันที่ “ยุติธรรม” และเหมาะกับแต่ละคนจริง ๆ เช่น มือใหม่หัดขับมักจะมีเบี้ยประกันสูง แต่หากขับรถระวัง มีพฤติกรรมการขับขี่ดี ซึ่งติดตามผลโดยเทคโนโลยี Telematics ก็จะได้เบี้ยในราคาที่เป็นธรรม ซึ่งเทคโนโลยีประกันภัยแบบนี้เกิดขึ้นจริงแล้วในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อิตาลี เป็นต้น

Tips: เทเลมาติกส์ (Telematics) คืออะไร?

เทเลมาติกส์ คือ เทคโนโลยีที่สามารถติดตามวัตถุระยะไกล เช่น รถยนต์ เพื่อการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล เช่น ความเร็ว ระยะทาง การเร่ง การเบรค แล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์และแสดงผลออกมาในรูปแบบรายงานพฤติกรรมการขับขี่ เพิ่มการรับรู้ความเสี่ยงในการขับรถ เลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถปรับปรุงพฤติกรรมการขับขี่ให้ดีขึ้นได้ รวมถึงสามารถใช้ประโยชน์ในวงการประกันภัยรถยนต์ได้อีกด้วย

2. ตรวจสอบความเสียหายจากอุบัติเหตุผ่านภาพถ่าย

ในอนาคตอาจไม่จำเป็นต้องรอเจ้าหน้าที่มาประเมินหน้างานอีกต่อไป เพราะลูกค้าสามารถถ่ายภาพรถที่เสียหายแล้วส่งผ่านแอปพลิเคชัน จากนั้น AI จะวิเคราะห์ภาพเหล่านั้นเพื่อประเมินความเสียหายเบื้องต้น พร้อมประเมินค่าใช้จ่ายและแนะนำอู่และศูนย์ซ่อมที่ใกล้ที่สุด ช่วยให้กระบวนการเคลมเร็วขึ้น และลดข้อโต้แย้งที่อาจเกิดขึ้น

3. ช่วยในการบริการลูกค้า

ลูกค้ายุคนี้คาดหวังการบริการที่รวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวคอลเซ็นเตอร์นาน ๆ และหลายคนที่ซื้อประกันออนไลน์แต่ก็ยังมีคำถามที่ยังสงสัย บริษัทประกันสามารถนำ AI Chatbot เข้ามาช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับแผนประกัน การเคลม และสถานะกรมธรรม์แบบ 24 ชั่วโมง ไม่เพียงลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ แต่ยังช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้อีกด้วย แต่ก็อาจมีข้อจำกัดในความฉลาดของ AI ซึ่งอาจกลายเป็นดาบสองคม เพราะนอกจากลูกค้าจะไม่ได้รับสารที่ต้องการแล้ว ยังเพิ่มความหงุดหงิดจากการติดต่อเจ้าหน้าที่ไม่ได้อีกด้วย

ระบบ AI และเทคโนโลยีใหม่ๆ อนาคตของการประกันภัยรถยนต์

4. แนะนำแผนประกันที่ตรงใจลูกค้ามากขึ้น

ในอนาคต AI ยังสามารถเรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้าผ่านเทคโนโลยีเทเลมาติกส์ และใช้ข้อมูลเหล่านั้นมาแนะนำแผนประกันหรือบริการเสริมที่เหมาะสม เช่น แนะนำให้เพิ่มความคุ้มครองรถสำรอง หรือเพิ่มทุนประกันบุคคลภายนอก โดยไม่ต้องให้ลูกค้าเสียเวลาเปรียบเทียบเอง

5. ตรวจจับการฉ้อโกง

การฉ้อโกงในการเคลมประกันเป็นปัญหาสำคัญของบริษัทประกันภัยมานาน เช่น การจัดฉากอุบัติเหตุหรือเคลมซ้ำซ้อน เทคโนโลยี AI ช่วยตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติได้จากข้อมูลจำนวนมากในระบบ เช่น เคลมบ่อยผิดปกติ เวลาที่เกิดเหตุซ้ำ ๆ หรือลักษณะความเสียหายไม่สอดคล้องกับเหตุการณ์ ซึ่งช่วยลดความเสียหายทางการเงินของบริษัทจากการฉ้อโกงประกันภัยได้

ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการหยิบยกประโยชน์ของระบบ AI เพียงแค่ส่วนหนึ่งเข้ามาใช้งานในแวดวงธุรกิจประกันเท่านั้น ซึ่งจะช่วยยกระดับการให้บริการ และอำนวยความสะดวกในการดำเนินการได้เยอะเลยล่ะ หากประเทศไทยมีการใช้ระบบดังกล่าวอย่างเต็มรูปแบบ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดซึ่งเป็นความท้าทายของ AI ในอุตสาหกรรมประกันภัย ดังนี้

ความท้าทายในการใช้ AI ในวงการประกันภัย

ในเรื่องนี้ คุณเฟเดอริโก้ เบรนดี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด กลุ่มบริษัทรู้ใจ เปิดเผยว่า “ความท้าทายประยุกต์ใช้ AI ธุรกิจประกันในไทย คือแม้ AI จะมีศักยภาพสูง แต่ AI ในธุรกิจประกันภัยไทยยังอยู่ในระยะเริ่มต้นเท่านั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะธรรมชาติของธุรกิจที่ระมัดระวังความเสี่ยงและมองความคุ้มค่าในการรับประกันเป็นหลัก ส่งผลต่อท่าทีที่ตั้งรับต่อเทคโนโลยีใหม่ ๆ นอกจากนี้ ความซับซ้อนและความไม่แน่นอนของความเสี่ยง บวกกับการตั้งคำถามต่อความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของอัลกอริธึม AI ยิ่งเพิ่มความท้าทายต่อการนำ AI มาปรับใช้ในวงการประกันภัย” โดยสรุปความท้าทายของการใช้ AI ในอุตสาหกรรมประกันภัยได้ ดังนี้

  1. ความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของอัลกอริธึม AI ที่ยังเป็นข้อสงสัยกันอยู่
  2. ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กฎหมายและข้อบังคับไม่ได้เอื้อต่ออุตสาหกรรมประกันภัยในการนำ AI มาใช้ บริษัทประกันภัยต้องรับมือกับกฎหมายเรื่องความเป็นส่วนตัวของลูกค้าและความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งเป็นข้อมูลที่อ่อนไหว หากเกิดการรั่วไหล อาจส่งผลกระทบร้ายแรง บริษัทประกันภัยลังเลที่จะนำ AI มาใช้แบบเต็มรูปแบบ
  3. AI เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ขาดแนวทางกำกับดูแลที่ชัดเจน เนื่องจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วอาจทำให้กรอบกฎหมายครอบคลุมไม่ได้ในทุกแง่มุม
  4. การขาดผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ในอุตสาหกรรมประกันภัย

แม้เทคโนโลยี AI จะมีประโยชน์มากมายในอุตสาหกรรมประกันภัย แต่บริษัทประกันเองก็ต้องเลือกปรับใช้ให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมประกันภัยในไทยเช่นกัน การนำ AI มาใช้จึงต้องคำนึงถึงทั้ง บริบทของลูกค้า, ความพร้อมของระบบหลังบ้าน, และ ความถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเราเองก็ต้องติดตามกันต่อไปในอนาคต

สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้ เกี่ยวกับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ด้านสุขภาพ รวมถึงเกร็ดความรู้เกี่ยบกับประกันภัยต่าง ๆ ได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือเพิ่มเพื่อนทาง LINE ได้เลย (Official LINE ID: @roojai)

คำจำกัดความ

Chatbot โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาให้สามารถโต้ตอบกับมนุษย์ผ่านข้อความหรือเสียงได้อย่างอัตโนมัติ
ข้อมูลที่อ่อนไหว หรือ ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว (Sensitive Personal Data) คือ ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนและมีความเสี่ยงสูงหากถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติหรือผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูลได้อย่างไม่เป็นธรรม
previous article
< บทความก่อนหน้า

เทรนด์ประกันรถยนต์ปี 2568 ในประเทศไทย มีอะไรใหม่บ้าง?