Roojai

เหมือนเป็นอาถรรพ์ ประกันหมดทีไร รถต้องชนทุกที

เรื่องไสยศาสตร์ อาถรรพ์ สิ่งลึกลับที่มองไม่เห็นกับผู้ขับขี่รถยนต์นั้นเป็นของคู่กันตั้งแต่เริ่มคิดจะครอบครองรถยนต์สักคันหนึ่งแล้ว สีไหนที่ถูกโฉลก ฤกษ์งามยามดีเวลาออกรถใหม่ ป้ายทะเบียนต้องมีเลขโน้น ห้ามมีเลขนี้ ฯลฯ

ทั้งหมดนี้เพื่อ ความมั่นใจของเจ้าของรถ หรือผู้ขับขี่นั่นเอง ขับแล้วแคล้วคลาด เป็นรถหาเงินหาทอง มีโชคได้ลาภ

เมื่อผู้ขับขี่รถยนต์มีความมั่นใจ มีสติอยู่กับการขับรถ โอกาสเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุมีน้อยมากกับประเด็นที่ว่า เมื่อใกล้เวลาต่อประกันภัยรถทีไร มักจะเกิดอุบัติ หรือมีสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ต้องไปเคลมประกันภัยรถทุกทีไป ทั้งนี้มันเกิดจากผู้ขับขี่รถยนต์ขาดสมาธิในการควบคุมรถยนต์ จากปกติที่ยังอยู่ในห้วงเวลาที่ประกันภัยรถยนต์ยังคุ้มครอง ผู้ขับขี่ยังมีสมาธิจดจ่อกับการขับรถโดยไม่มีเรื่องต้องวิตกกังวล หรือต้องคอยระวังเป็นพิเศษ เมื่อรู้ว่าต้องไปต่อประกันภัยรถยนต์กำลังจะหมดความคุ้มครองแล้ว ถ้าให้พูดแบบชาวบ้านก็คือ “ขับรถแบบเกร็งๆ”

ยกตัวอย่าง เอาแบบให้เข้าใจง่าย การถอยจอดเข้าบ้าน หนึ่งปีในช่วงที่ประกันภัยยังคุ้มครองอยู่ก็ถอยจอดเข้าอย่างง่าย สบาย ไม่เคยมีปัญหา พอรู้ว่าประกันภัยจะหมดความคุ้มครองอยู่ไม่กี่วัน จะถอยแบบไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเหมือนที่เคยขับมาทุกๆ วัน เล็งแล้วเล็งอีก เหมือนไม่มีความมั่นใจ เลยขับแบบเกร็งๆ บางครั้งก็พลาดได้ โดนรั้วขูดด้านข้าง ถอยชนที่วางรองเท้า ทั้งที่มันวางตรงนั้นอยู่ทุกวันเป็นต้น ก็กลายเป็นเรื่องของ”อาถรรพ์ประกันไปหมด

คิดในแง่กลับกันแทนที่จะคิดวิตกเรื่องการต่อประกันรถยนต์จะหมด จนใช้สมาธิในการขับขี่ได้ไม่เต็มที่ เรามาลองทำการบ้านเรื่องการต่อประกันรถยนต์ในปีต่อไปดีกว่านะ

ส่วนใหญ่ในปีแรกเราจะได้ประกันภัยรถยนต์ที่มาพร้อมกับแคมเปญรถยนต์ใหม่ ฟรีประกัน หรือซื้อประกันภัยรถยนต์เองเพราะว่าต้องการความคุ้มครองนอกเหนือจากที่ของแถมให้มา หากต้องการต่อประกันก็ต้องมาดูกันว่าการต่อประกันที่คุณต้องการนั้น คุณอยากต่อประกันรถยนต์ผ่านตัวแทน หรือผ่านการติดต่อกับบริษัทโดยตรง ใครๆ ก็ต้องการประกันภัยรถยนต์ที่ราคาถูกและดี เพราะว่าอย่างน้อยก็ควรจะทำการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับความคุ้มครอง ส่วนลดเบี้ยประกัน รายละเอียดของความคุ้มครองว่าจะคุ้มครองกรณีไหนบ้างและเท่าไหร่บ้าง เพราะผู้เอาประกันก็ต้องการความคุ้มค่าเมื่อเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์มาใช้งาน แถมยังต้องศึกษาประวัติของบริษัทประกันภัยรถยนต์ด้วยว่ามีความมั่นคงมากน้อยแค่ไหนและฐานะการเงินเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อความมั่นใจของผู้ซื้อนั่นเองเมื่อถึงเวลาต่อประกันรถยนต์ท่านก็ต้องเลือกว่าจะต่อประกันภัยบริษัทเดิมหรือซื้อจากบริษัทไหม่ดีกว่าโดยมีประเด็นหลักๆ อยู่ 2 หัวข้อ อย่างแรกให้ดูที่ความคุ้มค่า อาจจะต้องพิจารณาว่าเบี้ยประกันที่บริษัทใหม่ถูกหรือแพงกว่าที่เดิมเท่าไหร่

อย่างที่ 2 การให้บริการของบริษัทประกันใหม่จะได้รับการบริการที่ดีหรือไม่นั้น เราอาจจะต้องเปรียบเทียบจากหลายๆ แง่มุม อาทิเช่น ความมั่นคง ความน่าเชื่อถือ การให้บริการของพนักงานเคลมและที่ตั้งของอู่ซ่อมว่าสิ่งเหล่านี้มีเพียงพอกับพื้นที่ให้บริการ และเป็นของบริษัทเองหรือจ้างเหมามาอีกที นอกจากนี้ยังควรศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่บริษัทประกันนั้นใช้ อาทิเช่น การให้บริการ งานด้านสินไหมและสุดท้ายดูว่าศูนย์รถยนต์หรืออู่ที่ประกันทำงานด้วยนั้นอยู่ในพื้นที่ที่เราจะสะดวกในการขอรับบริการหรือไม่ และครอบคลุมพื้นที่ให้บริการในภาพรวมหรือไม่ และอยู่ในที่ๆ เราสามารถตามงานได้ง่ายหรือไม่ แค่ไหน ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยในการพิจารณาว่าเราควรต่อประกันรถยนต์ที่ไหนถึงจะได้ผลประโยชน์สูงสุด

ก็ลองไปปฏิบัติตามกันดูนะครับ เมื่อเราตัดข้อวิตกกังวลในการขับรถกับเรื่องประกันภัยหมดความคุ้มครองไปได้ เราก็จะล้างอาถรรพ์ประกันภัยรถหมดขับชนทุกทีไปได้อย่างแน่นอน
เมื่อรถยนต์เกิดเหตุ ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป รู้ใจพร้อมสำหรับคุณเสมอ ด้วยระบบออนไลน์ 24 ชั่วโมง