ในช่วงปี 2568-2569 นี้ วงการประกันรถยนต์กำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์และแนวทางการทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจให้มีความทันสมัย โปร่งใส และตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้รถในปัจจุบันมากขึ้น แล้วเกณฑ์ใหม่ประกันรถยนต์ปี 2568-2569 คืออะไร ทำไมต้องเปลี่ยน เงื่อนไขกรมธรรม์เปลี่ยนเป็นแบบไหน เราจะได้รับผลกระทบยังไง บทความนี้มีคำตอบ
สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!
- สรุปภาพรวม เกณฑ์ประกันรถยนต์ใหม่ คืออะไร ทำไมต้องเปลี่ยน?
- เจาะลึกเงื่อนไข เกณฑ์ประกันรถยนต์ใหม่ปี 2568-2569 มีอะไรบ้าง?
สรุปภาพรวม เกณฑ์ประกันรถยนต์ใหม่ คืออะไร ทำไมต้องเปลี่ยน?
ก่อนเจาะลึกในรายละเอียด รู้ใจสรุปภาพรวมคร่าว ๆ เพื่อความเข้าใจที่ง่ายมากขึ้น ดังนี้ ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป การทำประกันภัยรถยนต์ในทุกบริษัทประกันภัย จะมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ครั้งใหญ่ ตามประกาศของคปภ. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) คำสั่งที่ 46/2567 ฉบับวันที่ 25 ธ.ค. 2567
เปลี่ยนยังไง?
ระบบประกันภัยรถยนต์ใหม่จะเน้นไปที่ “พฤติกรรมของผู้ขับขี่” มากขึ้น โดย
- ต้องระบุชื่อผู้ขับขี่ในกรมธรรม์ประกันภัยสูงสุด 5 คน
- คนที่ขับรถดี ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ หรือไม่เคยเคลมประกัน มีโอกาสได้ส่วนลดเบี้ยประกันสูงสุดถึง 80%
- ในทางกลับกัน ถ้ามีพฤติกรรมเสี่ยง หรือเคยเคลมบ่อย เบี้ยประกันอาจสูงขึ้น
ทำไมต้องเปลี่ยน?
จุดประสงค์ของการเปลี่ยนแปลงนี้ เพื่อให้เบี้ยประกันภัยสะท้อนไปถึงพฤติกรรมการขับขี่ของผู้เอาประกันภัย โดยจะเน้น “พฤติกรรมของผู้ขับขี่” มากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มความเป็นธรรมให้คนขับดี ไม่เคยเคลม ยิ่งหลายปียิ่งมีโอกาสลดเบี้ยสูงสุดถึง 80% ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทุกคนหันมาขับรถอย่างมีความรับผิดชอบมากขึ้น และช่วยลดอุบัติเหตุบนถนน
แล้วต้องทำยังไงบ้าง?
ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป สำหรับรถใหม่ป้ายแดง และ 1 มกราคม 2569 สำหรับรถทุกคัน ไม่ว่าจะทำประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ หรือประกันรถยนต์ไฟฟ้า จะต้องทำประกันภัยแบบ “ระบุชื่อผู้ขับขี่” รายละเอียดดังนี้
- เมื่อทำประกันต้องระบุผู้ขับขี่อย่างน้อย 1 คน สูงสุด 5 คน ในกรมธรรม์ประกันภัย
- ข้อมูลและประวัติการขับขี่ จะถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูลกลางของคปภ. บริษัทประกันรถยนต์ทุกแห่งสามารถเข้ามาตรวจสอบเพื่อนำข้อมูลมาคำนวณเบี้ยประกันได้
- บริษัทประกันจะใช้ข้อมูลของผู้ขับขี่นั้น ๆ เช่น ประวัติการขับขี่ การเกิดอุบัติเหตุ ฯลฯ มาเป็นปัจจัยในการคำนวณเบี้ยประกัน
ซึ่งเราจะเจาะลึกการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขนี้โดยละเอียด ตามหัวข้อด้านล่าง

เจาะลึกเงื่อนไข เกณฑ์ประกันรถยนต์ใหม่ปี 2568-2569 มีอะไรบ้าง?
หลังจากทำความเข้าใจภาพรวมในหัวข้อที่แล้ว หัวข้อนี้จะเจาะลึกรายละเอียดทุกอย่างของเกณฑ์ประกันรถยนต์ใหม่ปี 2568-2569 อย่างละเอียด ดังนี้
เกณฑ์ใหม่ ต้องระบุชื่อผู้ขับขี่เริ่มใช้เมื่อไหร่?
| ประเภทรถ | วันเริ่มมีผลบังคับ |
| รถยนต์ไฟฟ้า EV | เริ่มแล้ว (1 มิถุนายน 2567) |
| รถใหม่ (ป้ายแดง) | เริ่มแล้ว (1 มิถุนายน 2568) |
| รถยนต์ทุกคัน | เริ่ม 1 มกราคม 2569 |
ยกเว้น รถบริษัท รถรับจ้าง รถแท็กซี่ รถสาธารณะอื่นๆ
เปรียบเทียบเกณฑ์เก่า VS เกณฑ์ใหม่
| เกณฑ์เก่า (ก่อนปี 2567) | เกณฑ์ใหม่ (เริ่มบังคับปี 2568-2569) |
| ไม่จำเป็นต้องระบุชื่อ (ใครขับก็ได้) หรือหากระบุผู้ขับขี่ก็จะได้รับส่วนลด | ต้องระบุชื่อผู้ขับขี่หลักทุกคน (สูงสุด 5 คน) |
| ส่วนลดประวัติดี (20–50%) | ส่วนลดเบี้ยประกันสูงสุดถึง 80% (จากส่วนลดประวัติดี 40% + ส่วนลดพฤติกรรมการขับขี่ 40%) |
จะเห็นได้ว่าเกณฑ์ใหม่เน้นไปที่พฤติกรรมของผู้ขับขี่จริง ทำให้ผู้เอาประกันได้ราคาที่ยุติธรรมมากขึ้น มีส่วนลดสูงสุดถึง 80% และยังมีข้อดีที่เราจะอธิบายต่อในหัวข้อถัดไป
เกณฑ์ใหม่ ต้องระบุชื่อผู้ขับขี่มีข้อดียังไง?
การทำประกันภัยรถยนต์แบบระบุชื่อผู้ขับขี่ เป็นวิธีใหม่ที่ช่วยให้ผู้บริโภคจ่ายเบี้ยประกันอย่างยุติธรรมมากขึ้นและส่งเสริมให้คนขับรถอย่างมีความรับผิดชอบจริง ๆ โดยเฉพาะใครที่ขับดีมาตลอด ไม่มีการเคลมโดยเป็นฝ่ายผิด จะได้รับประโยชน์เต็ม ๆ ดังนี้
1. ขับดี มีสิทธิ์ได้ลดเบี้ยประกันสูงสุดถึง 80%
ถ้าคุณเป็นคนขับรถดี ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ หรือไม่เคลมบ่อย กฎใหม่นี้ให้คุณได้รับส่วนลดเบี้ยประกันสูงสุดถึง 80% เลยทีเดียว โดยส่วนลดจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
- ส่วนลดประวัติดีรถยนต์คันเอาประกันภัย ลดสูงสุด 40%
- ส่วนลดจากพฤติกรรมการขับขี่ดี (สูงสุด 40%)
ดังนั้น คนที่ขับขี่ดี ขับปลอดภัย อย่างต่อเนื่อง โดยไม่เกิดอุบัติเหตุที่เป็นฝ่ายผิด ยิ่งใช้รถคันเดิมนานยิ่งคุ้ม!
2. จ่ายเบี้ยประกันตามความเสี่ยงของคุณจริง ๆ
การระบุชื่อผู้ขับขี่ ช่วยให้บริษัทประกันใช้ข้อมูลของผู้ขับขี่จริง เช่น เพศ พฤติกรรมการขับรถ และประวัติอุบัติเหตุ มาคิดค่าเบี้ยประกัน ทำให้คุณจ่ายเฉพาะตาม “ความเสี่ยงภัยที่แท้จริง” ใครขับดี ก็จ่ายถูกลง ใครเสี่ยงสูง ก็จ่ายตามความเสี่ยงของตัวเอง = แฟร์กับทุกคน
3. กระตุ้นให้คนขับรถดีขึ้น อุบัติเหตุก็น้อยลง
กฎใหม่นี้ไม่ได้เน้นลงโทษผู้ขับขี่ที่มีความเสี่ยงภัยสูงเท่านั้น แต่ให้ “รางวัล” เป็นสิทธิประโยชน์กับคนขับดี โดยเฉพาะคนที่มีพฤติกรรมปลอดภัย เช่น ไม่ขับเร็ว ไม่เบรคกะทันหัน หรือไม่ใช้โทรศัพท์ระหว่างขับรถ
ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้ถนนปลอดภัยมากขึ้น เพราะทุกคนมีแรงจูงใจที่จะขับรถดีขึ้น
4. ลดความเหลื่อมล้ำ และยุติธรรมมากขึ้น
เมื่อก่อนคนที่ขับรถดีต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยที่สูงร่วมกันกับคนที่ขับรถเสี่ยงสูง แต่จากนี้ไป ระบบใหม่จะให้
- ส่วนลดกับคนขับดี
- ลดสิทธิพิเศษของคนขับขี่เสี่ยงสูง
ถือว่าเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ระบบประกันภัยมีความยุติธรรมกับทุกคนมากขึ้น ถ้าคุณเป็นคนขับรถอย่างระมัดระวัง มีวินัย กฎใหม่นี้ช่วยเพิ่มทั้ง “ความคุ้มค่า” และ “ความปลอดภัย” ให้กับคุณและรถของคุณอย่างแท้จริง
เกณฑ์ใหม่ ส่วนลดเบี้ยประกันสูงสุดถึง 80% มาจากไหน?
ส่วนลดเบี้ยประกันภัยรถยนต์ สูงสุด 80% มาจากส่วนลดประวัติดี และส่วนลดพฤติกรรมการขับขี่ โดยรายละเอียดสำหรับส่วนลด มีดังนี้
ส่วนลดเบี้ยประกันสูงสุด 80% = ส่วนลดประวัติดีของรถ 40% + ส่วนลดพฤติกรรมการขับขี่ 40%
1. ส่วนลดประวัติดีของรถ
สำหรับผู้เอาประกันที่ทำประกันภัยไว้ บริษัทประกันจะลดเบี้ยให้หากคุณไม่มีการเคลมโดยเป็นฝ่ายผิด ดังนี้
- หากไม่มีการเคลม 1 ปี ➝ ได้ส่วนลด 20% ของค่าเบี้ยประกันปีถัดไป
- หากไม่มีการเคลม 2 ปีติดต่อกัน ➝ ได้ส่วนลด 30% ของค่าเบี้ยประกันปีถัดไป
- หากไม่มีการเคลม 3 ปีติดต่อกัน ➝ ได้ส่วนลด 40% ของค่าเบี้ยประกันปีถัดไป
หากมีการเคลมโดยเป็นฝ่ายต้องรับผิด ส่วนลดจะลดลงตามลำดับขั้น
ตัวอย่างเช่น หากปีกรมธรรม์นี้คุณได้รับส่วนลด 30% แล้วภายในปีเดียวมีการเคลมโดยเป็นฝ่ายต้องรับผิด ส่วนลดที่ได้ในปีหน้าคือ 20%
2. ส่วนลดพฤติกรรมการขับขี่
ในปีแรก (2025) ทุกคนจะยังไม่ได้รับส่วนลดใด ๆ จากพฤติกรรมการขับขี่ จากนั้นหากขับดีโดยไม่เกิดเหตุจากความประมาทของผู้ขับขี่ก็จะได้รับส่วนลดเพิ่มขึ้น โดยส่วนลดจะแบ่งตามระดับพฤติกรรมการขับขี่
| ระดับพฤติกรรมการขับขี่ | อัตราความเสี่ยง | ส่วนลดที่ได้ |
| ระดับ 1 | 100% | 0% |
| ระดับ 2 | 90% | 10% |
| ระดับ 3 | 80% | 20% |
| ระดับ 4 | 70% | 30% |
| ระดับ 5 | 60% | 40% |
ในปีแรกที่ทำประกัน ทุกคนจะอยู่ที่ระดับ 1 ยังไม่ได้รับส่วนลดใด ๆ หลังจากนั้น
- ขับดีครบ 12 เดือน (1 ปี) ➝ เลื่อนไประดับ 2 ➝ ได้ส่วนลด 10% ของเบี้ยปีถัดไป
- ขับดีครบ 24 เดือน (2 ปี) ➝ เลื่อนไประดับ 3 ➝ ได้ส่วนลด 20% ของเบี้ยปีถัดไป
- ขับดีครบ 36 เดือน (3 ปี) ➝ เลื่อนไประดับ 4 ➝ ได้ส่วนลด 30% ของเบี้ยปีถัดไป
- ขับดีครบ 48 เดือน (4 ปี) ขึ้นไป ➝ เลื่อนไประดับ 5 ➝ ได้ส่วนลด 40% ของเบี้ยปีถัดไป
หมายเหตุ: ระดับพฤติกรรมผู้ขับขี่จะเริ่มมีผลหลังจากมิถุนายน พ.ศ.2569 (ค.ศ. 2026)
อุบัติเหตุที่จะลดระดับส่วนลด
ถ้าผู้ขับขี่เกิดอุบัติเหตุที่มาจากความประมาทของตัวเอง (ไม่ใช่ภัยธรรมชาติหรือเหตุสุดวิสัย) ระดับพฤติกรรมการขับขี่จะลดลงกลับไปอยู่ที่ระดับ 1 ทันที (ส่วนลด 0%) ตัวอย่างเหตุการณ์จากความประมาทของผู้ขับขี่ เช่น
- ขับรถชนคู่กรณีโดยเป็นฝ่ายผิด
- การชนแบบไม่มีคู่กรณี
- ขับขี่ขณะมึนเมา
- การเปลี่ยนตัวผู้ขับขี่ เมื่อเกิดเหตุ
อุบัติเหตุที่ไม่ส่งผลต่อส่วนลด
สำหรับอุบัติเหตุที่เคลมแล้วไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อส่วนลดพฤติกรรมการขับขี่ มีดังนี้
- อุบัติเหตุที่ผู้เอาประกันไม่ใช่ฝ่ายต้องรับผิด
- ความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ลมพายุ แผ่นดินไหว
- ความเสียหายจากการถูกกลั่นแกล้ง เช่น ถูกขีดสีรถ ทุบรถ
- ความเสียหายที่ไม่ได้เกิดจากการใช้รถยนต์ เช่น ต้นไม้ล้มใส่
หากมีการเคลมโดยเป็นฝ่ายผิด ส่วนลดที่ได้จะลดลงยังไง?
หากคุณมีการเคลมโดยเป็นฝ่ายต้องรับผิด เช่น ชนแบบไม่มีคู่กรณี ขับรถโดยประมาทจนชนรถบนท้องถนน เป็นต้น ส่วนลดที่ได้ในปีถัดไป จะลดลงดังนี้
- ส่วนลดประวัติดี ลดลงตามลำดับขั้น
- ส่วนลดพฤติกรรมการขับขี่ จะกลับไปที่ 0% ทันที
ตัวอย่างเช่น
ในปี 2572 นาย ก. ได้รับส่วนลดรวม 50% จากส่วนลดประวัติดี 30% และส่วนลดพฤติกรรมการขับขี่ 20% แล้วเกิดการชนโดยที่ตนเป็นฝ่ายผิด
ในปีต่อมา (ปี 2573) ส่วนลดที่นาย ก. จะได้รับ จะลดลงดังนี้
- ส่วนลดประวัติดีลดลง 1 ขั้น เป็น 20%
- ส่วนลดพฤติกรรมการขับขี่กลับไปที่ 0%
สรุปได้ว่าปีต่อมา (ปี 2573) นาย ก. ได้รับส่วนลดรวม 20% + 0% = 20%

รถยนต์คันไหนบ้างที่ต้องระบุผู้ขับขี่ ตามเกณฑ์ประกันรถยนต์ใหม่?
รถยนต์ทุกคันที่ใช้เพื่อการใช้งานส่วนบุคคลจะต้องระบุชื่อผู้ขับขี่ หรือก็คือ ผู้เอาประกันภัยเป็นบุคคลธรรมดา (ไม่ใช่นิติบุคคล) และใช้รถยนต์เพื่อประโยชน์ส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นรถน้ำมัน รถยนต์ไฟฟ้า รถไฮบริด ฯลฯ
รถยนต์ที่จดทะเบียนในนามบริษัท ต้องระบุชื่อผู้ขับขี่หรือไม่?
เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์กำหนดเฉพาะรถยนต์ส่วนบุคคล ดังนั้น หากเป็นรถยนต์ที่จดทะเบียนในนามบริษัท และเป็นการเอาประกันภัยในนามนิติบุคคล ซึ่งไม่ได้มีไว้เพื่อการใช้ส่วนบุคคลโดยเฉพาะ ไม่ต้องระบุชื่อผู้ขับขี่
ยกเว้น รถที่นิติบุคคลเป็นเจ้าของ แต่เป็นรถที่มีไว้เพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งใช้โดยเฉพาะ เช่น รถประจำตำแหน่ง ในกรณีนี้ให้ระบุชื่อบุคคลนั้นเป็นผู้เอาประกันภัย
ลูกค้าประกันรถยนต์รู้ใจ จะมีผลกระทบหรือไม่? ยังไง?
- ทำประกันรถกับรู้ใจ ก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2568 – ลูกค้าเดิมที่ทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2568 จะยังได้รับความคุ้มครองและบริการตามเงื่อนไขกรมธรรม์ ตลอดระยะเวลาการเอาประกันภัย และไม่ได้รับผลกระทบจากเกณฑ์ใหม่นี้
- ทำประกันรถกับรู้ใจ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 – ลูกค้าที่ทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจกับรู้ใจ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป และเป็นรถยนต์ป้ายแดง (อายุรถไม่เกิน 1 ปี) สำหรับใช้งานส่วนบุคคล จะต้องแจ้งข้อมูลชื่อผู้ขับขี่ทุกคน และหากไม่มีการเคลมที่เป็นฝ่ายผิดตลอดอายุกรมธรรม์ บริษัทจะให้ส่วนลดเบี้ยประกันปีต่ออายุตามเงื่อนไขที่กำหนด ส่วนความคุ้มครองและบริการอื่น ๆ ยังคงได้รับตามปกติ ตามที่ระบุในกรมธรรม์
เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ตามเกณฑ์ใหม่ปี 2568 ทำให้การทำประกันรถยนต์มีความชัดเจนและโปร่งใสมากขึ้น ใครขับดี ไม่มีเคลมโดยเป็นฝ่ายผิด ก็มีสิทธิ์ได้ส่วนลดในปีต่อไป ยิ่งขับดีหลายปีก็ยิ่งคุ้ม อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้รถควรทำความเข้าใจเงื่อนไขใหม่ เพื่อเลือกประกันรถที่ตอบโจทย์และคุ้มค่า รวมถึงการเป็นส่วนหนึ่งของคนขับดี ช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนด้วย
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้ เกี่ยวกับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ด้านสุขภาพ รวมถึงเกร็ดความรู้เกี่ยวกับประกันภัยต่าง ๆ ได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือเพิ่มเพื่อนทาง LINE ได้เลย (Official LINE ID: @roojai)
คำจำกัดความ
| ภัยธรรมชาติ | เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน หรือสิ่งแวดล้อม โดยมนุษย์ไม่สามารถควบคุมหรือหยุดยั้งได้โดยตรง |
| นิติบุคคล | บุคคลตามกฎหมายที่ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็น องค์กร หรือหน่วยงานที่กฎหมายรับรองว่าเป็นบุคคล สามารถมีสิทธิและหน้าที่ได้เช่นเดียวกับคนทั่วไป เช่น ทำสัญญา ฟ้องร้อง ถือครองทรัพย์สิน หรือชำระหนี้ |
| การใช้งานส่วนบุคคล | การใช้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อประโยชน์ของบุคคลนั้นเอง โดยไม่เกี่ยวข้องกับการค้า ธุรกิจ หรือการเผยแพร่สู่สาธารณะ |