Roojai

น้ำมันเครื่อง และของเหลว ที่ต้องหมั่นเปลี่ยนในรถของคุณ

สวัสดีครับวันนี้ไทร์บิดกลับมาอีกครั้ง กับบทความความรู้เกี่ยวกับรถของท่าน วันนี้กลับมาพูดถึงเรื่องของเหลวในรถที่สำคัญ ๆ กันบ้างครับ ว่ามีอะไรบ้าง แล้วถ้าสมมติน้ำมันเครื่องต่าง ๆ หมดจะเกิดเหตุการณ์อะไรบ้าง

ทำไมเราต้องเปลี่ยนของเหลว หรือ น้ำมันในรถ โดยปกติแล้วเครื่องยนต์นั้นเราผลิตมาจากเหล็กเพราะฉะนั้นถ้าเราไม่มีอะไรไปหล่อลื่นก็จะทำให้เหล็กกระทบกันโดยตรงซึ่งจะส่งผลทำให้วัสดุของเครื่องยนต์ต่าง ๆ ชำรุดได้ครับ

เพราะฉะนั้น เราจะมาดูกันว่าน้ำมันเครื่องแต่ละประเภทควรเปลี่ยนบ่อยแค่ไหนเพื่อป้องกันการชำรุดเสียหายและช่วยยืดอายุการใช้งานได้มากที่สุดครับ

อย่างแรกเลย น้ำมันเครื่อง เป็นส่วนสำคัญมาก ๆ สำหรับรถ ซึ่งน้ำมันเครื่องก็มีหลายประเภท อาทิ น้ำมันเครื่องธรรมดา น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ซึ่งความต่างของมันก็จะส่งผลทำให้รอบเปลี่ยนตั้งแต่ทุก ๆ 5,000 กิโลเมตร หรือ 10,000 กิโลเมตร ซึ่งน้ำมันเครื่องธรรมดาจะมีอายุการใช้งานที่ต่ำเพราะว่ายางน้ำมันเครื่องจะมีความสามารถในการรับอุณหภูมิได้ต่ำกว่ากลุ่มน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ต่าง ๆ สิ่งที่เราต้องเช็กมีสองส่วนครับ ส่วนแรกก็คือดึงจากก้านเช็กน้ำมันเครื่องขึ้นมาดูว่า น้ำมันเครื่องขาดรึเปล่า ส่วนอีกอย่างคือ น้ำมันเครื่องเราเหนียวข้นดำแล้วหรือยัง ซึ่งถ้ามีปัญหาสองอย่างนี้ก็ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใหม่โดยเร็วที่สุดครับผม

อย่างที่สอง น้ำมันพาวเวอร์ หรือจะให้เข้าใจง่าย ๆ คือ น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ ซึ่งน้ำมันพาวเวอร์ส่วนนี้จะมีหน้าที่ในการหล่อลื่นของส่วนพวงมาลัยในการหักเลี้ยวได้ง่ายครับ เมื่อสมัยก่อนรถบ้านเราไม่มีพวงมาลัยพาวเวอร์ครับ ก็จะหนักมากเวลาจะเลี้ยวทีพอมีระบบนี้ ก็ทำให้การขับขี่ง่ายขึ้นเยอะ เราควรเปลี่ยนทุก ๆ 80,000 กิโลเมตร หรือ ทุก ๆ ปีครับ

อย่างที่สาม น้ำมันเบรก อันนี้ชื่อตรงตัวอยู่แล้วครับว่าเกี่ยวกับระบบเบรกซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญกับเรื่องความปลอดภัยครับ ถ้าน้ำมันเบรกหมดอาจส่งผลทำให้ระบบเบรกไม่สามารถทำงานได้ ซึ่งรอบเช็กควรเช็กทุก ๆ 40,000 กิโลเมตรครับ โดยเราสามารถเช็กที่หน้าฝากระโปรงได้ครับ ว่าขุ่นแล้วหรือยัง แต่ถ้าลดไปเยอะให้เพื่อน ๆ สงสัยว่ารั่วก่อนนะครับผม

อย่างที่สี่ น้ำมันเกียร์ เป็นชิ้นส่วนใหญ่ ๆ อีกชิ้นหนึ่งของส่วนกลางรถ เกียร์เป็นระบบที่ใช้งานบ่อยไม่แพ้เครื่องเลยครับ เพราะฉะนั้นหากเบรกไม่มีน้ำมันหล่อลื่นได้ดีอาจทำให้เพื่อน ๆ เสียตังค์ชุดใหญ่แน่นอนครับ โดยควรเช็กทุก ๆ 20,000-30,000 กิโลเมตรครับ

อย่างที่ห้า ก็คือน้ำมันคลัตช์ จะมีในรถที่ใช้เกียร์ธรรมดาอยู่ครับ จะมีหน้าที่ตอนที่เปลี่ยนเกียร์ครับ ก็ควรเปลี่ยนน้ำมันทุกๆ ปี ครับผม

อย่างที่หก น้ำหม้อน้ำ และ น้ำหล่อเย็น ส่วนสำคัญสุดครับ หากน้ำหม้อน้ำหมดเตรียมจอดรถ รอให้เครื่องหายร้อนได้เลยครับ ควรเช็กทุกอาทิตย์ครับ วิธีเช็กง่าย ๆ แค่เปิดฝาและเติมน้ำเข้าไปให้ถึงขีดครับโดยเฉพาะกรณีขับในเมืองครับ

อย่างที่เจ็ด น้ำกลั่นแบตเตอรี่ กรณีนี้จะเป็นเฉพาะรถที่ใช้แบตเตอรี่น้ำนะครับ แบตเตอรี่แห้งจะไม่ต้องเช็กแล้ว ก็ให้เพื่อน ๆ คอยตรวจสอบและเติมน้ำกลั่นลงไปให้ครบทุกรูเลย ขึ้นเหนือแผ่นแม่เหล็กในแบตเตอรี่ครับ โดยปกติ แบตเตอรี่จะมีอายุประมาณปีครึ่งถึงสองปีครับ ซึ่งอาการที่จะแสดงออกก็คือ ระบบไฟรถจะเริ่มรวน ๆ เสียงแตรเบา ต้องระวังครับ เพราะหากมีปัญหาอาจทำให้รถดับได้ และต้องรอคนมาเปลี่ยนแบตเตอรี่ หรือจัมป์แบตเตอรี่ให้ครับถึงจะใช้ได้ แบตเตอรี่เป็นส่วนที่ถึงรอบเปลี่ยนควรเปลี่ยนครับ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้อย่างชัดเจนว่าจะมีสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ครับ

ส่วนสุดท้ายก็เป็นส่วนของน้ำฉีดกระจก ก็ทั่ว ๆ ไปครับ ไว้สำหรับทำความสะอาดล้างกระจก เราจะบอกไม่สำคัญไม่ได้นะครับ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าจะมีสิ่งแปลกปลอมมาทำให้เราเสียทัศนวิสัยตอนไหนได้ครับ

ก็จะเป็นของเหลวหลัก ๆ ของรถนะครับ ก็ต้องบอกว่าเป็นส่วนหล่อเลี้ยงรถของเพื่อน ๆ เลยนะครับ สำหรับของเหลวที่แจ้งไป ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถเช็กได้ด้วยตัวเองครับ แล้วเพื่อน ๆ จะรู้สึกว่ารักรถขึ้นมาอย่างแน่นอนครับ เพื่อน ๆ สามารถที่จะคลิกอ่านบทความรู้ยางรถยนต์ เรามีรีวิวยางและบทความรู้ยานยนต์ได้อย่างครบถ้วนเพิ่มเติมได้ฟรีนะครับผม หรือสะดวกช้อปยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ www.tiresbid.com และเรายังมีบริการที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องยางรถยนต์ที่คอยให้คำแนะนำ โดยสามารถติดต่อช่องทาง Line OA: @tiresbid (มี @ ด้วยนะครับ) ทักมาหาพวกเราได้ครับผม ยินดีให้บริการอย่างยิ่งเลยครับ โอกาสหน้ามีบทความอะไรใหม่ ๆ ติดตามกันนะครับ