Roojai

ดูแลเครื่องยนต์รถใหม่ ควรให้ความสำคัญส่วนไหนบ้าง?

ถ้าพูดถึง รถใหม่ สำหรับใครที่เพิ่งได้เป็นเจ้าของ ถ้าได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี ไม่ว่าจะส่วนไหนก็สามารถยืดอายุการใช้งาน ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมได้ และส่วนที่เป็นหัวใจสำคัญในการทำงานของรถอย่าง “เครื่องยนต์” ก็ไม่ควรมองข้าม ต้องหมั่นดูแลและให้ความสนใจ ซึ่งจะช่วยทำให้รถคันใหม่ของคุณนั้น คงความ “ใหม่” อยู่กับคุณไปนาน ๆ ใช้งานได้ยาว ๆ ไม่ใช่ขับไปซ่อมไป ดูแลสักหน่อยน่าจะดีกว่า

ส่วนประกอบของเครื่องยนต์ถูกรวมไว้มากมายด้วยชิ้นส่วนหลายร้อยชิ้น ถึงแม้ผู้ใช้รถจะไม่สามารถดูแลได้ทุกจุดอย่างละเอียด แต่ก็มีวิธีที่จะช่วยให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและนานขึ้นได้ด้วยการดูแลบางส่วนที่สำคัญ และ การบำรุงรักษาเครื่องยนต์หลัก ๆ นั้นควรดูที่ส่วนไหนบ้าง วันนี้ Roojai.com จะมาเล่าให้ฟัง

เครื่องยนต์รถใหม่ส่วนไหนบ้างที่ต้องดูแล

1. ระบบน้ำหล่อเย็น

ชื่ออาจจะดูเป็นทางการไปสักหน่อย แต่ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ น้ำที่อยู่ในหม้อน้ำนั่นแหละ เป็นส่วนของเหลวที่ช่วยรักษาอุณหภูมิเครื่องยนต์ไว้ไม่ให้สูงเกินไป เพราะถ้าอุณหภูมิสูงเกินไป อาจทำให้เครื่องยนต์เกิดภาวะ “Overheat” ซึ่งเป็นอาการร้ายแรงต่อการทำงานของเครื่องยนต์ ทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในเสียหายรุนแรงถึงขั้นต้องยกเครื่องกันเลยทีเดียว เพียงเพราะสาเหตุที่เจ้าของปล่อยปะละเลยให้น้ำในหม้อน้ำแห้ง

ระบบน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์ | Roojai.com

ต่อให้เป็นรถใหม่ อาการนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้ถ้าใช้รถหนัก ๆ ดังนั้น ควรหมั่นตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำหรือกระบอกพักน้ำให้อยู่ในระดับที่กำหนดอยู่เสมอ ยิ่งถ้ารู้ว่าต้องขับรถทางไกล วิ่งรถนาน ๆ เปิดฝากระโปรงเช็คระดับน้ำหล่อเย็นสักหน่อยก่อนเริ่มเดินทาง ถือว่าเป็นความคิดที่ดี

2. น้ำมันเครื่อง

ส่วนที่ช่วยในการหล่อลื่นการทำงานของส่วนประกอบเครื่องยนต์ภายในก็คือ น้ำมันเครื่อง ส่วนของเหลวที่ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงาน น้ำมันเครื่องนับว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุดส่วนหนึ่งที่ต้องดูแล แม้สำหรับรถใหม่ป้ายแดง เพิ่งเข็นออกจากศูนย์ก็ตาม แรก ๆ การใช้งานอาจจะไม่ต้องสนใจเท่าไร แต่พอใช้รถไปสักระยะ 10,000 – 20,000 กิโลเมตร ก็ต้องมีการเปลี่ยนถ่ายแล้ว เพื่อทำให้การทำงานของเครื่องยนต์ยังคงหล่อลื่นและทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

2 สิ่งที่สำคัญสำหรับการตรวจเช็คน้ำมันเครื่อง จะมีในเรื่องของ “ระดับปริมาณ” ต้องมีคงเหลือไว้มากพอที่ตัวเครื่องยนต์ต้องการ และอีกอย่างก็คือ “สภาพ” ของตัวน้ำมันเครื่องที่วัดได้จากสี ถ้าดำมากเกินไป นั่นหมายความว่าน้ำมันเครื่องในรถของคุณผ่านการหล่อลื่นมามากเกินไปแล้ว ควรรีบเปลี่ยนถ่ายใหม่เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิม

น้ำมันเครื่องยนต์ | Roojai.com
3. น้ำมันเกียร์

แทบจะเป็นของคู่กัน เพราะสำคัญไม่น้อยไปกว่าน้ำมันเครื่องเลย เพราะถ้าส่วนของเกียร์ “พัง” ขึ้นมา ค่าซ่อมที่คุณเจออาจจะทำให้ปวดขมับได้เลย แม้ความถี่ในเรื่องของการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์จะไม่บ่อยเท่ากับน้ำมันเครื่อง อีกทั้งกับรถใหม่ป้ายแดง การดูแลในส่วนนี้จะเริ่มก็ต่อเมื่อเลขไมล์ของรถอยู่ที่ระดับ 30,000 – 50,000 กิโลเมตร แต่ไม่ว่ายังไง ก็จะมองข้ามไม่ได้เด็ดขาด ไม่ควรเผลอไผลใช้รถยาวจนลืมดูแลที่ส่วนนี้

เช็ครอบการเปลี่ยนถ่ายให้ดี อย่ามองข้ามทิ้งไว้จนปล่อยให้ “อาการออก” ให้ตัวเกียร์หล่อลื่นด้วยน้ำมันเกียร์เก่า ๆ จนพาให้ชิ้นส่วนภายในเสียหาย แล้วตัวเกียร์ของรถส่งสัญญาณไม่ดี นั่นหมายถึงข่าวร้ายที่คุณต้องเตรียมรับมือกับการซ่อมบำรุงส่วนนี้ ซึ่งค่าซ่อมนั้นบอกได้เลยว่า “รุนแรงไม่ใช่น้อย”

4. หัวเทียน

อีกหนึ่งจุดในการบํารุงรักษาเครื่องยนต์ของคุณเพื่อให้การขับขี่ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตัวรถ นั่นก็คือส่วนของ “หัวเทียน” ที่มีหน้าที่เริ่มต้นตั้งแต่การสตาร์ทเครื่องยนต์ ช่วยในการจุดระเบิดเผาใหม่ในห้องเครื่อง

หัวเทียนเครื่องยนต์ | Roojai.com

เมื่อรถผ่านการใช้งานไป ความเสื่อมสภาพในส่วนนี้ย่อมมี ทำให้รถมีอาการต่าง ๆ ออกมาอย่างเห็นได้ชัด เช่น เครื่องยนต์กระตุก เดินไม่เรียบ สตาร์ทติดยาก เครื่องยนต์สั่น เหยียบเร่งไม่ขึ้นและกินน้ำมัน เป็นอาการที่เรียกว่า “หัวเทียนบอด” ดังนั้นเมื่อครบรอบเลขไมล์ทุก ๆ 40,000 กิโลเมตร ก็ควรเปลี่ยนหัวเทียนชุดใหม่เพื่อให้การขับขี่มีประสิทธิภาพเหมือนเดิม

5. แบตเตอรี่

อีกส่วนที่สำคัญเพราะมันคือหัวใจการทำงานในหลาย ๆ อุปกรณ์บนรถของคุณ รวมไปถึงในขั้นตอน “การสตาร์ท” แบตฯ ไม่ดี แบตฯ เสื่อม ก็มีแต่ต้องจอดทิ้งรอเปลี่ยนอย่างเดียว สตาร์ทไปไหนไม่ได้ เป็นใครก็คงไม่อยากเจอกับเหตุการณ์นี้ใช่มั้ยล่ะ

โดยส่วนใหญ่แบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งานอยู่ราว 1 ปี หลังจากนั้นอาการแบตฯ เสื่อมจะเริ่มออก ตัวแบตฯ มีอาการเก็บไฟที่ได้จากการชาร์จไม่อยู่ และส่งผลให้การทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ และการทำงานของเครื่องยนต์ในรถคุณไม่เต็มประสิทธิภาพอย่างที่เคยเป็น หลาย ๆ อย่าง เช่น

  • รถเริ่มสตาร์ทติดยากขึ้น
  • ไฟหน้าสว่างน้อยลง
  • กระจกไฟฟ้าทำงานหน่วง ๆ
  • ระบบไฟต่าง ๆ ในรถทำงานผิดปกติ

แบตเตอรี่รถยนต์ | Roojai.com

ซึ่งถ้ารถของคุณเริ่มออกอาการเหล่านี้ให้เห็น ก็เดาได้เลยว่าอาจถึงเวลาที่คุณจะต้องเปลี่ยนแบตฯ ลูกใหม่ได้แล้ว รีบเปลี่ยนก่อนที่จะแผลงฤทธิ์ ไปจอดตายสตาร์ทไม่ติดที่ไหนดีกว่า

ทั้งหมดนี้คือส่วนของเครื่องยนต์ในรถใหม่ของคุณที่จำเป็นต้องให้การดูแลเป็นพิเศษ ระบบเครื่องยนต์ถือเป็นหัวใจสำคัญในการใช้งาน ดูแลดีก็อุ่นใจ ขับไปไหนมั่นใจได้ว่ารถจะพาคุณไปถึงยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการแน่นอน มองไปก็คล้ายกับเรื่องของการทำประกันรถยนต์ที่รถทุกคันต้องมี ซึ่งช่วยมอบความมั่นใจให้กับคุณได้ในทุกเส้นทาง และถ้าคุณกำลังมองหาประกันรถยนต์ ดี ๆ เราพร้อมให้คำแนะนำดี ๆ พร้อมคำนวณราคาเบี้ยประกันอย่างเหมาะสมให้แก่คุณ