Roojai

สอนปรับตำแหน่ง-วิธีการจับพวงมาลัยที่ถูกต้อง ลดเสี่ยงอุบัติเหตุ!

Article Roojai Verified
การจับพวงมาลัยรถยนต์ที่ถูกต้อง | รู้ใจ ประกันรถยนต์

เดาได้ไม่ยากว่าทุกคนต้องเคยเจอ เมื่อขับรถทีไรมักเกิดอาการเมื่อยล้า แถมเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุเพราะความสามารถในการคุมพวงมาลัยรถทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพผู้ขับขี่ อาการและความเสี่ยงเหล่านี้ ล้วนเกิดจากสาเหตุของท่าจับพวงมาลัยที่ไม่ถูกต้อง และหลายคนก็ไม่รู้มาก่อนเลยว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นผิดมหันต์ แล้วการจับพวงมาลัยที่ถูกต้องเป็นยังไง ติดตามได้จากบทความนี้

สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!

ท่าจับพวงมาลัยแบบไหน ที่คุณอาจทำผิดมาตลอด?

ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามหลายคนมักถือเอาความสบายของตัวเองเป็นหลัก โดยเฉพาะท่าจับพวงมาลัยขณะขับรถ ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ และทำให้ได้รับบาดเจ็บจากท่าทางผิด ๆ ที่ทำมาโดยตลอด โดยท่าจับพวงมาลัยที่ไม่ถูกต้อง มีดังนี้

1. จับพวงมาลัยมือเดียว

หนึ่งในท่าจับพวงมาลัยแบบผิด ๆ ที่หลายคนมักทำบ่อยมากที่สุด คือ การจับพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว ส่วนแขนอีกข้างวางอยู่บนที่พักแขน แม้ว่ามันจะเป็นท่าที่สบายสุด ๆ แต่รู้หรือไม่.. ว่าเป็นท่าที่มีโอกาสเสี่ยงอันตรายได้มากที่สุดเช่นเดียวกัน เนื่องจากมือข้างเดียวไม่มีน้ำหนักเพียงพอในการควบคุมพวงมาลัยที่สะบัดรุนแรง เมื่อรถเริ่มเสียหลัก กว่าจะเอามืออีกข้างมาช่วงประคอง เรื่องไม่คาดฝันที่ยากต่อการควบคุมอาจเกินขึ้นไปแล้วก็เป็นได้

2. วางมือไว้บริเวณแตร หรือก้านพวงมาลัย

หลายคนชอบวางมือไว้บริเวณแตรรถหรือก้านพวงมาลัย ด้วยเหตุผลว่าช่วยให้กดแตรสะดวก รวดเร็ว แถมยังเป็นการท่าจับพวงมาลัยที่ผ่อนคลาย แต่การจับพวงมาลัยรถยนต์แบบนี้ จะทำให้ผู้ขับขี่หมุนพวงมาลัยไม่สะดวก เนื่องจากน้ำหนักที่ถูกกดบริเวณใกล้กับกึ่งกลางพวงมาลัย แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพช่วยล็อกพวงมาลัยรถไม่ให้สะบัดเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินได้ แต่ส่งผลให้หมุนพวงมาลัยเพื่อแก้อาการส่ายของรถได้ลำบากขึ้น

3. จับพวงมาลัยเฉพาะส่วนล่างหรือส่วนบน

การจับพวงมาลัยเฉพาะส่วนบนสุดหรือส่วนล่างสุด หากเกิดเหตุฉุกเฉินที่ทำให้พวงมาลัยสะบัด จะไม่มีแรงยึดพวงมาลัยเพียงพอ แม้ว่าจะจับด้วยมือทั้งสองข้างแล้วก็ตาม

ทั้ง 3 ท่าจับพวงมาลัยที่เราบอกต่อไปเมื่อข้างต้น แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นท่าที่สะดวกสบายของใครหลาย ๆ คน แต่อีกนัยหนึ่งมันกลับนำพาความเสี่ยงมาให้ได้มากมาย เพราะฉะนั้นเลี่ยงท่าจับทั้งหมดไปเลยจะดีกว่า

การจับพวงมาลัยที่ถูกต้องช่วยลดความเสี่ยงอุบัติเหตุ | รู้ใจ ประกันรถยนต์

การจับพวงมาลัยรถยนต์ที่ถูกต้อง เป็นยังไง?

นอกจากความปลอดภัย ขับขี่ไม่ประมาท คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง ฯลฯ ท่าจับพวงมาลัยที่ถูกต้อง เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยให้การเดินทางของคุณปลอดภัยมากขึ้น โดยท่าที่ถูกต้อง เป็นดังนี้

1. ตำแหน่งมือซ้ายจับที่ 9 นาฬิกา มือขวา 3 นาฬิกา

การจับพวงมาลัยรถสองมือ ในลักษณะมือซ้ายจับที่ 9 นาฬิกา มือขวา 3 นาฬิกา คือ ท่าจับพวงมาลัยที่ถูกต้อง เพราะอยู่ในตำแหน่งตรงกลางของพวงมาลัยรถพอดี ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถจับหรือหมุนพวงมาลัยได้ถนัด ไม่หลุดมือ แถมยังสามารถเปิดไฟเลี้ยวได้ง่าย

2. ไม่ควรจับพวงมาลัยแน่นเกินไป

การจับพวงมาลัยให้กระชับ ไม่ได้หมายความว่าต้องจับพวงมาลัยรถยนต์จนแน่นเกินไป แต่การจับพวงมาลัยรถยนต์ที่ถูกต้อง คือการจับพวงมาลัยแบบหลวม ๆ ด้วยการประคองทั้งสองมือ แบบนี้จะป้องกันไม่ให้ฝ่ามือของคุณเกร็งหรือเมื่อยจนเกินไป แต่ถ้าหากเป็นการขับขี่ในขณะฝนตก แนะนำให้จับพวงมาลัยรถให้แน่นขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เพื่อช่วยในการบังคับรถให้ดียิ่งขึ้น

3. ไม่ควรจับพวงมาลัยมือเดียว

ขอย้ำอีกครั้งว่าการจับพวงมาลัยรถยนต์ด้วยมือเพียงข้างเดียว เป็น ‘พฤติกรรมเสี่ยง’ ที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือเสียการควบคุมรถได้ โดยเฉพาะเมื่อเจอกับเหตุการณ์รถตกหลุม ถนนลื่น มีสัตว์หรือรถวิ่งตัดหน้า ฯลฯ แนะนำว่าควรจับพวงมาลัยรถให้ถูกต้อง ด้วยการประคองพวงมาลัยให้มั่นคงอยู่ตลอด แค่นี้จะช่วยทำให้การเดินทางปลอดภัยมากขึ้นได้ไม่ยากเลย

4. ไม่ควรสอดมือเข้าไปในพวงมาลัย

ไม่ควรสอดมือเข้าไปในพวงมาลัย รวมถึงการจับพวงมาลัยแบบหงายมือด้วย เพราะนอกจากจะเป็นการจับพวงมาลัยที่ผิดแล้ว ยังเสี่ยงทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย แม้ว่าหลาย ๆ คนจะมองว่าเป็นท่าที่สบาย ควบคุมรถได้ง่ายก็ตาม

Tips: ทำไมไม่ควรหงายมือ ตอนหมุนพวงมาลัยเลี้ยวรถ?

อย่างที่บอกไปเมื่อสักครู่ว่าไม่ควรสอดมือเข้าไปในพวงมาลัย หรือหงายมือขณะเลี้ยวรถ เพราะอาจทำให้เกิดเหตุการณ์และความเสี่ยงดังต่อไปนี้

1. แขนอาจได้รับอันตรายจากถุงลมนิรภัย

เนื่องจากการหงายมือและสอดเข้าไปในพวงมาลัยรถยนต์ จะทำให้ช่วงปลายแขนอยู่ในตำแหน่งตรงกับถุงลมนิรภัยพอดี หากมีการชนเกิดขึ้น การพองตัวออกอย่างรุนแรงของถุงลม อาจทำให้ผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บได้

2. ทำให้องศาการหมุนพวงมาลัยจำกัด

แม้ว่าการหงายมือหมุนพวงมาลัยไปในทิศทางที่ต้องการจะทำได้อย่างถนัดมือ แต่กรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินและต้องดึงพวงมาลัยกลับไปยังทิศทางตรงกันข้าม จะไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากมือและแขนจะอยู่ในท่าทางที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการหมุนพวงมาลัยรถกลับ ต้องอาศัยการสลับมืออีกข้างเข้ามาช่วยแทน

5 วิธีปรับท่านั่งขับรถ เพิ่มความปลอดภัยตลอดเส้นทาง

อีกหนึ่งประเด็นที่ควรให้ความสำคัญไม่แพ้ไปกว่าการจับพวงมาลัยที่ถูกต้อง คือ การปรับท่านั่งที่เหมาะสม เพราะนอกจากท่านั่งช่วยลดปวดหลัง คอ บ่า ไหล่แล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยควรปรับท่านั่ง ดังนี้

  1. การวางแขนจับพวงมาลัย ก่อนที่ผู้ขับขี่จะวางแขนงอขณะถือพวงมาลัย ควรปรับระยะห่างของเบาะนึ่งและพนักพิงให้เหมาะสมก่อน ซึ่งข้อดีของการวางแขนงอจะช่วยให้ผู้ขับขี่หมุนพวงมาลัยได้คล่องแคล่ว ‘มากกว่า’ การยืดแขนจนตึง แถมยังช่วยให้ควบคุมพวงมาลัยรถยนต์ได้ดี เพิ่มความปลอดภัยต่อการขับขี่บนท้องถนนได้มากยิ่งขึ้น
  2. นั่งให้ลำตัวชิดเต็มเบาะนั่ง หรือนั่งหลังตรง การนั่งให้ลำตัวชิดติดกับเบาะที่นั่งนั้น จะช่วยให้เบาะนั่งโอบสรีระทุกส่วนได้อย่างมั่นคง ช่วยลดอาการเมื่อยล้าขณะขับขี่ได้
  3. ปรับระยะห่างเบาะนั่งให้พอดี หากเป็นรถครอบครัวมีผู้ใช้รถร่วมกันหลายคน แน่นอนว่าปรับตำแหน่งเบาะที่นั่งจะแตกต่างกันออกไป ก่อนขับรถทุกครั้งควรเช็คระยะห่างของเบาะนั่ง และเลื่อนเบาะให้ได้องศาที่ผู้ขับขี่งอแขนได้อย่างพอดี เพราะจะช่วยให้คุณเหยียบเบรกได้อย่างถูกต้อง
  4. ปรับความสูงเบาะนั่งให้เหมาะสม ระยะความสูงของเบาะนั่ง ควรปรับให้ระยะห่างศีรษะกับเพดานรถเท่ากับ 1 กำปั้นโดยประมาณ เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นทัศนวิสัยในการขับขี่ที่เหมาะสม
  5. ปรับพนักพิงให้เอนเล็กน้อย ด้วยการปรับพนักพิงให้เอนประมาณ 110 องศา เพื่อระยะห่างจากพวงมาลัยรถยนต์ที่เหมาะสม

แต่ไม่ว่าคุณจะให้ความสำคัญกับการจับพวงมาลัยรถยนต์ที่ถูกต้อง หมุนพวงมาลัย หรือการปรับเบาะนั่งอย่างเหมาะสมแค่ไหน ขึ้นชื่อว่าอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพื่อความอุ่นใจการซื้อประกันภัยรถยนต์ที่คุ้มครองครอบคลุม ตอบโจทย์เหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น รถชน น้ำท่วม แผ่นดินไหว ภัยธรรมชาติ ฯลฯ หากไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อแบบไหน แนะนำให้เข้ามาเปรียบเทียบประกันรถยนต์กับรู้ใจก่อนใครได้เลย

วิธีปรับท่านั่งขับรถยนต์ ลดอาการปวดหลัง คอ บ่า ไหล่  | รู้ใจ ประกันรถยนต์

หมุนและการคืนพวงมาลัยอย่างถูกวิธี ต้องทำยังไง?

การหมุนและคืนพวงมาลัยที่ถูกต้อง ช่วยลดความเสี่ยงและเลี่ยงอาการบาดเจ็บขณะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ ซึ่งจะต้องหมุนและคืนพวงมาลัยรถดังนี้

1. แบบคร่อมแขน (Hand over Hand)

การหมุนและคืนพวงมาลัยรถยนต์แบบคร่อมแขน ให้จับพวงมาลัยในตำแหน่งที่ถูกต้อง และทำดังนี้

  • เมื่อจะเลี้ยวซ้ายให้ใช้มือขวาดันพวงมาลัยหมุน ‘ทวนเข็มนาฬิกา’ ซึ่งสามารถหมุนเลี้ยวพวงมาลัยได้ประมาณ 180 องศา โดยไม่ต้องปล่อยมือทั้งสองข้าง จากนั้นหมุนต่อเมื่อมือซ้ายไปถึงที่ประมาณ 9 นาฬิกา ให้เลื่อนมือขวามาเตรียมพร้อมรับช่วงที่ประมาณ 3 นาฬิกา
  • ในการหมุนคืนพวงมาลัยกลับจากการเลี้ยวซ้าย ให้ใช้การสลับมือครึ่งวงด้านบนของพวงมาลัยรถทำนองเดียวกันกับการหมุนตามเข็มนาฬิกา (เหมือนในตอนแรก) วิธีนี้จะทำให้มือทั้ง 2 ข้างไม่ต้องปล่อยพวงมาลัย
  • กรณีที่หักพวงมาลัยไม่เกิน 180 องศา ซึ่งเป็นการขับขี่ในการจราจรปกติทั่วไป ตอบสนองต่อการเลี้ยวในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดีและเร็วที่สุด หากต้องการเลี้ยวขวาให้ทำตรงข้าม

2. แบบดัน-ดึง (Push and Pull)

ให้จับพวงมาลัยรถตามตำแหน่งที่ถูกต้อง กำหนดเอาไว้ว่าเวลาหมุนเลี้ยวพวงมาลัยมือทั้ง 2 ข้างต้องไม่ข้ามจุดเลข 12 และ 6 ตามตำแหน่งนาฬิกา ในการหมุนเลี้ยวพวงมาลัยรถมือทั้งสอง จะทำสลับกันระหว่างการดึงและดัน โดยจะไม่ดึงหรือดันพร้อม ๆ กัน เมื่อจะเลี้ยวขวาให้เลื่อนมือขวา รูดผ่านพวงมาลัยรถยนต์ขึ้นมาที่ตำแหน่งเลข 12 จากนั้นมือขวาดึงพวงมาลัยมาสู่ตำแหน่งเลข 6

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการจับพวงมาลัยรถยนต์ที่ถูกต้อง ถือเป็นประเด็นที่หลาย ๆ คนมองข้าม ซึ่งอาจทำให้ได้รับบาดเจ็บ หรือรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินได้ไม่ทันการณ์ หากรู้ตัวว่าจับพวงมาลัยรถยนต์แบบผิด ๆ อยู่ล่ะก็ ให้หันมาเรียนรู้และค่อย ๆ ทำตามวิธีจับพวงมาลัยที่ถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนทั้งต่อตัวคุณเองและเพื่อนร่วมทาง

สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้ เกี่ยวกับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ด้านสุขภาพ รวมถึงเกร็ดความรู้เกี่ยวกับประกันภัยต่าง ๆ ได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือเพิ่มเพื่อนทาง LINE ได้เลย (Official LINE ID: @roojai)

คำจำกัดความ

พฤติกรรมเสี่ยง การกระทำของบุคคลที่อาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ ชีวิต หรือทรัพย์สิน
ทัศนวิสัย ระยะทางไกลที่สุดซึ่งสามารถมองเห็นวัตถุด้วยตาเปล่าและบอกได้ว่าวัตถุนั้นเป็นอะไร
previous article
< บทความก่อนหน้า

เพิ่งจะรู้! ทำไมรถบางคันขับเดินทางไกลแล้วเหนื่อยกว่า