
“ชานมไข่มุก” กลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมในหมู่คนเจนใหม่อย่างรวดเร็ว ด้วยรสชาติหวานกลมกล่อมและสัมผัสกรุบ ๆ ของไข่มุก ทว่าหลายคนอาจยังไม่รู้ว่ารสชาติอันแสนอร่อยนี้ แฝงอันตรายเอาไว้มากมาย หากถามว่ากินไข่มุกเยอะอันตรายไหม หรือสงสัยว่าชานมไข่มุก 1 แก้ว กี่แคล รู้ใจจะพาไปหาคำตอบอย่างครบถ้วน ตามไปทำความเข้าใจกันเลย
สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!
- ข้อดี ข้อเสีย ชานมไข่มุก มีอะไรบ้าง?
- กินชานมไข่มุกเท่าไหร่ถึงจะพอดี?
- โทษของชานมไข่มุกถ้ากินทุกวัน เสี่ยงเป็นโรคอะไรบ้าง?
- ใครควรเลี่ยง หรือระวังการกินชานมบ่อย
- ทางเลือกอื่นแทนชานมไข่มุกมีมั้ย อะไรบ้าง?
ข้อดี ข้อเสีย ชานมไข่มุก มีอะไรบ้าง?
รู้หรือไม่ว่าการกินชานมทุกวัน อาจซ่อนอันตรายเอาไว้มากกว่าที่คิด หากบริโภคปริมาณมาก ๆ อย่างต่อเนื่องและไม่ควบคุมอาหารหรือออกกำลังกาย แต่มีข้อเสียก็ต้องมีข้อดี การรู้เท่าทันและบริโภคอย่างพอดี คือทางเลือกที่ดีที่สุด โดยข้อดีข้อเสียของชานมไข่มุก มีดังนี้
ข้อดีของชานมไข่มุก
ชานมไข่มุกไม่ได้มีดีแค่รสชาติ แต่ยังมีเสน่ห์ที่ทำให้หลายคนหลงรักแบบถอนตัวไม่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความหนึบของไข่มุก ความหอมของชา หรือความฟินที่ได้เคี้ยวไป ดื่มไป เชื่อว่าคงจะเคยได้ยินเรื่องข้อเสียของชานมไข่มุกกันมาไม่น้อย แต่เครื่องดื่มนี้ก็ยังมีข้อดี คือ
- มีสารต้านอนุมูลอิสระจากชา ชานมไข่มุกมักใช้ชาเขียว ชาดำ หรือชาอู่หลง ซึ่งมีสารโพลีฟีนอลที่ช่วยลดการอักเสบ ชะลอวัย และอาจลดความเสี่ยงโรคหัวใจหรือมะเร็งบางชนิด
- ช่วยให้รู้สึกสดชื่น กระตุ้นสมอง คาเฟอีนจากชาอาจช่วยให้กระปรี้กระเปร่า เพิ่มสมาธิในช่วงเวลาสั้น ๆ
- มีแคลเซียมจากนม หรือครีมเทียมบางชนิด หากใช้นมจริงหรือครีมเทียมที่มีแคลเซียม อาจช่วยเสริมสร้างกระดูกได้บ้าง (แม้จะไม่มาก)
- เติมความสุขและความพึงพอใจ ชานมไข่มุกเป็น comfort drink สำหรับหลายคน ช่วยลดความเครียดได้ชั่วคราว
ข้อเสียของชานมไข่มุก
ชานมไข่มุกอาจเป็นเครื่องดื่มสุดโปรดของใครหลายคน แต่เบื้องหลังความหวานหนุบหนับ อร่อย สดชื่น ยังมีข้อเสียที่ควรรู้ก่อนซื้อมาดื่มทุกวัน ดังนี้
- มีน้ำตาลสูง ชานมไข่มุก 1 แก้ว (500 ml) อาจมีน้ำตาลถึง 8-11 ช้อนชา ซึ่งเกินคำแนะนำของ WHO ที่กำหนดว่าไม่ควรเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน
- พลังงานสูง หากสงสัยว่าชานมไข่มุก 1 แก้ว กี่แคล? คำตอบคือเฉลี่ยอยู่ที่ 300-500 แคลอรี โดยเฉพาะถ้าใส่ไข่มุกและท็อปปิ้งอื่น ๆ
- ไข่มุกคือแป้งล้วน ๆ ไข่มุกทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง ให้คาร์โบไฮเดรตสูงแต่ไม่มีสารอาหารสำคัญ ไม่มีใยอาหารจึงให้แค่ “แคลอรีเปล่า”
- ครีมเทียมอาจมีไขมันทรานส์ ถ้าใช้ครีมเทียมหรือ non-dairy creamer ที่ไม่ไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ อาจเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ
- เสี่ยงโรคเบาหวาน การกินชานมทุกวันโดยเฉพาะแบบหวานจัด เพิ่มโอกาสเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 อย่างมีนัยสำคัญ
- อาจทำให้อ้วนและสะสมไขมันพอกตับ หากดื่มบ่อยโดยไม่ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย จะเพิ่มพุงและไขมันในตับ
กินชานมไข่มุกเท่าไหร่ถึงจะพอดี?
การกินชานมไข่มุกที่พอดี ไม่ควรเกิน 1-2 แก้วต่อสัปดาห์ เพื่อควบคุมปริมาณน้ำตาลและแคลอรีไม่ให้เกินเกณฑ์ที่ร่างกายควรรับได้ ควรเลือกแก้วขนาดเล็กไม่เกิน 16 oz หรือ 473 ml และควรลดน้ำตาลจากปกติ 100% ลงมาเหลือ 25% หรือ 0% จะช่วยลดความเสี่ยงเบาหวาน ฟันผุ และน้ำหนักเกิน นอกจากนี้ยังควรลดหรือหลีกเลี่ยงไข่มุก (ท็อปปิ้ง) เนื่องจากไข่มุก 1 ถ้วยเล็ก (ประมาณ 100 กรัม) ให้พลังงานราว 150 แคลอรี ถ้าอยากกินจริง ๆ ควรขอแค่ “ไข่มุกครึ่งเดียว” หรือเลือกท็อปปิ้งแคลอรีต่ำ
โทษของชานมไข่มุกถ้ากินทุกวัน เสี่ยงเป็นโรคอะไรบ้าง?
หากคุณกินชานมทุกวันโดยไม่ควบคุมปริมาณน้ำตาลหรือแคลอรี มีโอกาสสูงที่จะได้รับผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว เนื่องจากส่วนประกอบหลักของเครื่องดื่มนี้คือน้ำตาล ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต (จากไข่มุก) เมื่อสะสมต่อเนื่องทุกวัน ร่างกายจะเริ่มแสดงผลเสียออกมาในรูปแบบของโรคต่าง ๆ ดังนี้
1. โรคเบาหวานชนิดที่ 2
เพราะชานมไข่มุก 1 แก้ว อาจมีน้ำตาลมากถึง 8-11 ช้อนชา การได้รับน้ำตาลเกินทุกวันจะทำให้ร่างกายต้านทานต่ออินซูลิน จนนำไปสู่ภาวะเบาหวาน งานวิจัยพบว่าการบริโภคน้ำตาลในเครื่องดื่มทุกวัน เพิ่มความเสี่ยงเบาหวานสูงถึง 26%
2. ไขมันพอกตับ
น้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตส่วนเกินจากไข่มุก จะถูกแปรรูปเป็นไขมันและสะสมในตับ ส่งผลให้ตับทำงานหนัก เสี่ยงเป็นไขมันพอกตับโดยไม่รู้ตัว แม้ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์เลยก็ตาม
3. โรคอ้วน
พลังงานเฉลี่ยของชานมไข่มุก 1 แก้วอยู่ที่ 300-500 แคลอรี หากกินทุกวันโดยไม่ออกกำลังกายจะทำให้พลังงานเกินอย่างรวดเร็ว และไขมันสะสมตามหน้าท้อง สะโพก ต้นขา อ้วนลงพุง โดยโรคอ้วนคือจุดเริ่มต้นของโรคเรื้อรังหลายชนิด
4. โรคหลอดเลือดหัวใจ
ครีมเทียมที่ใช้ผสมชานมไข่มุก อาจมีไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัวสูง ไขมันเหล่านี้จะเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) และลดคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อหัวใจวายหรือเส้นเลือดตีบ
5. โรคมะเร็ง
บางรายงานพบว่าไข่มุกหรือตัวแก้วพลาสติกอาจปนเปื้อนสารเคมี ซึ่งเป็นสารรบกวนฮอร์โมนและอาจเป็นสารก่อมะเร็ง แม้จะยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัด แต่การบริโภคเป็นประจำทุกวันโดยไม่รู้แหล่งที่มาวัตถุดิบ อาจเพิ่มความเสี่ยงในระยะยาว
แม้ชานมไข่มุกที่หลายคนชื่นชอบจะมีข้อดี แต่ถ้าหากกินชานมทุกวันบอกเลยว่าเสี่ยงมาก โดยเฉพาะ โรคอ้วน ไขมัน เบาหวาน เพราะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงอื่น ๆ อย่าง โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงสุขภาพอื่น ๆ ตามมา โรคร้ายแรงเกิดขึ้นได้โดยไม่เลือกเพศ วัย หรือไลฟ์สไตล์ และอาจเกิดขึ้นได้โดยไม่ทันตั้งตัว การมีประกันภัยจึงเป็นอีกหนึ่งการวางแผน ที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล พร้อมมอบความอุ่นใจให้คุณและครอบครัว
ใครควรเลี่ยง หรือระวังการกินชานมบ่อย
แม้ว่าชานมไข่มุกจะเป็นเครื่องดื่มยอดฮิต แต่ไม่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะสุขภาพบางอย่าง ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากน้ำตาลสูง และพลังงานแฝงที่มากเกินความจำเป็น ดังนี้
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรือกำลังควบคุมน้ำหนัก
- ผู้ที่มีปัญหาไขมันในเลือด หรือโรคหลอดเลือดหัวใจ
- ผู้ที่มีภาวะดื้อต่ออินซูลิน หรือกลุ่มเสี่ยงเบาหวาน
ทั้งนี้ “เด็กเล็ก” ก็ควรระวังหรือเลี่ยงด้วยเช่นกัน เพราะถ้าหากดื่มชานมไข่มุกในปริมาณมาก โดยไม่รู้เท่าทัน อาจส่งผลให้ฟันผุ อ้วนไว มีพฤติกรรมติดหวาน และกระทบพฤติกรรมการกินอาหารหลักได้เลยทีเดียว
ทางเลือกอื่นแทนชานมไข่มุกมีมั้ย อะไรบ้าง?
หากคุณตระหนักและใส่ในด้านสุขภาพมากขึ้น และกำลังมองหา “ทางเลือกอื่น” ที่ยังอร่อย สดชื่น และไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงเรื่องเบาหวาน อ้วน หรือไขมันในเลือดสูง ทางเลือกเครื่องดื่มอื่น ๆ มีดังนี้
- ชาเขียวหรือชาดำเย็นไม่หวาน: ให้ความสดชื่นเหมือนกันแต่ไม่มีน้ำตาล แถมยังมีสารอนุมูลต้านอิสระ เช่น คาเทชิน ที่ดีต่อหัวใจและหลอดเลือด
- ชานมแบบหวานน้อย ใส่นมพืช: เลือกใช้นมอัลมอนด์ นมข้าวโอ๊ต หรือนมถั่วเหลืองแทนนมข้นหวาน และเลือกใช้ชาแท้ เช่น ชาดำหรือชาอู่หลง ไม่ใส่ครีมเทียม
- สมูทตี้ผลไม้แท้: ใช้ผลไม้สดปั่น เช่น กล้วย สตรอว์เบอร์รี แก้วมังกร มะม่วง ทำให้ร่างกายได้ไฟเบอร์ วิตามิน และความหวานธรรมชาติจากผลไม้
ชานมไข่มุกอร่อยก็จริง และถึงประโยชน์ของชานมไข่มุกจะมีมากมาย ทว่าหากกินชานมทุกวันก็มีข้อดี ข้อเสีย ชานมไข่มุกที่ควรรู้ โดยเฉพาะความเสี่ยงโรคต่าง ๆ อย่างโรคเบาหวาน โรคมะเร็ง และโรคหลอดเลือดหัวใจ เพราะน้ำตาลและแคลอรีใน 1 แก้วสูงกว่าที่หลายคนคิด อย่างไรก็ตามคุณไม่จำเป็นต้องงดดื่มไปเลย เพียงแต่ลดความถี่ เลือกสูตรหวานน้อย ไม่ใส่ไข่มุกมาก และหันมาดื่มทางเลือกที่เฮลตี้กว่า ก็ยังสนุกกับเครื่องดื่มโปรดได้แบบไม่ทำร้ายสุขภาพ
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้ เกี่ยวกับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ด้านสุขภาพ รวมถึงเกร็ดความรู้เกี่ยวกับประกันภัยต่าง ๆ ได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือเพิ่มเพื่อนทาง LINE ได้เลย (Official LINE ID: @roojai)
คำจำกัดความ
comfort drink | เครื่องดื่มที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจหรือทำให้รู้สึกสบายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่รู้สึกเครียด เศร้า หรือไม่สบาย |
ท็อปปิ้ง | เครื่องปรุงหรือของตกแต่งที่โรยหรือวางบนอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติหรือความสวยงาม |