Roojai

เด็กล้มหัวกระแทกพื้นบ่อยอันตรายแค่ไหน อาการแบบไหนควรไปหาหมอ?

Article Roojai Verified
เด็กล้มหัวกระแทกพื้นบ่อย อาการแบบไหนควรไปหาหมอ | ประกันอุบัติเหตุที่รู้ใจ

เรามักจะเห็นเด็กเล็กหรือเด็กแรกเกิด เดินหรือคลานหกล้มอยู่บ่อย ๆ เพราะว่าเด็กในวัยนี้ยังเติบโตไม่เต็มที่ ทำให้กล้ามเนื้อต่าง ๆ ยังไม่แข็งแรงมากนัก ประกอบกับวัยที่กำลังอยากรู้อยากเห็นเล่นซนไปเรื่อย ทั้งอุบัติเหตุจากการหกล้มหัวกระแทกพื้น หัวแตก หรือแม้กระทั่งตกจากบันได ถึงแม้ว่าจะไม่ปรากฎบาดแผลภายนอก แต่บางครั้งอาจส่งผลให้สมองของเด็กได้รับการกระทบกระเทือนซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพและพัฒนาการเด็กได้ ในบทความนี้ รู้ใจอยากให้ผู้ปกครองที่กำลังมีลูกน้อยได้อ่านไว้เป็นความรู้ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นและเด็กเริ่มมีอาการที่แสดงถึงความผิดปกติ จะได้รับมือได้อย่างทันท่วงที

สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!

หัวกระแทกพื้นบ่อยแค่ไหนถึงอันตราย?

การที่หัวกระแทกพื้นบ่อย ๆ แบบไม่รุนแรง ไม่มีแผลภายนอกชัดเจน หรือทำให้หมดสติไปเลยในเด็กนั้นอาจส่งผลถึงพัฒนาการบางอย่างในสมองได้ และสามารถส่งผลเสียสะสมในอนาคต จนส่งผลให้เกิดโรคในเด็กได้อาการที่อาจพบได้ มีดังนี้

  • ปวดศีรษะเรื้อรัง
  • ความจำเสื่อม
  • อารมณ์แปรปรวนหรือซึมเศร้า
  • เคลื่อนไหวไม่ปกติ
  • ปัญหาการนอนหลับไม่สนิท

อย่างไรก็ตาม หากลูกล้มบ่อย ๆ ควรติดตามอาการอย่างใกล้ชิด และไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย หาสาเหตุ และวิธีป้องกันจะดีที่สุด

หัวกระแทกพื้นแบบไหนถึงอันตราย?

ความอันตรายจากเหตุที่เด็กหัวกระแทกพื้นสามารถพิจารณาได้จาก 2 ปัจจัยหลัก

  1. สภาพสถานที่เกิดอุบัติเหตุ เช่น ตกจากที่สูง ถูกของแหลมคม กระแทกพื้นอย่างแรง แบบนี้ควรรีบไปพบแพทย์
  2. สังเกตอาการผิดปกติ โดยหากมีอาการดังนี้ ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียด
    • หมดสติ ชักเกร็ง กระตุก
    • ซึมผิดปกติ
    • อาเจียน
    • ปวดหัวรุนแรง
    • ตาพร่ามัวหรือมองเห็นภาพซ้อน
อาการที่ควรสังเกตหลังเด็กล้มหัวกระแทกพื้น | ประกันอุบัติเหตุที่รู้ใจ

เมื่อเด็กหัวกระแทกพื้นต้องทำยังไงบ้าง?

สำหรับการปฐมพยาบาลให้เด็กหัวกระแทกพื้นหรือการล้มหัวฟาดพื้นที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ คือ การประคบเย็นเพื่อลดความบวม หากมีแผลสามารถทาแผลได้ แต่!!! ไม่ควรให้เด็กรับประทานยาชนิดใดทั้งสิ้น เช่น ยาแก้ปวด แก้อักเสบ เพราะยาเหล่านี้อาจทำให้สัญญาณเตือนความผิดปกติหายไป และผู้ปกครองต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อสังเกตอาการที่อาจตามมาทีหลัง เพื่อไม่ทำให้การรักษาล่าช้าและอาจส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก หรืออาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กด้านอื่น ๆ

การล้มหัวกระแทกพื้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ยิ่งในเด็กที่ชอบวิ่งเล่นหรือปีนป่าย โอกาสในการหกล้มจึงสูงขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การบาดเจ็บที่ศีรษะได้ การมีประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลจะช่วยซัพพอร์ตค่ารักษาที่พ่อแม่ต้องจ่าย ประกันอุบัติเหตุที่รู้ใจทำได้ตั้งแต่อายุ 1 – 65 ปี ปรับแต่งแผนความคุ้มครองได้ตามใจ เลือกตามไลฟ์สไตล์ที่คุณต้องการ

Tips : เบอร์ฉุกเฉิน เพื่อขอความช่วยเหลือเร่งด่วน

หากเกิดเหตุการณ์เด็กล้มหัวกระแทกพื้น หรือตกจากที่สูงและหมดสติ ไม่ควรทำการเคลื่อนย้ายเด็กเด็ดขาด เพราะอาจจะทำผิดวิธีและอาจทำให้อาการบาดเจ็บรุนแรงกว่าเดิม แนะนำว่าควรโทรขอความช่วยเหลือที่เบอร์ 1669

หลังการรักษาหัวกระแทกพื้น เด็กควรปรับตัวในชีวิตประจำวันยังไง?

  • หากอยู่ในวัยเรียน แพทย์ส่วนใหญ่จะแนะนำให้หยุดเรียนไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ ช่วงที่งดเรียนควรพักผ่อนให้มาก ๆ
  • กลับมาเรียนช่วงแรก ๆ ควรให้เรียนแค่ครึ่งวันก่อนและให้ครูคอยสังเกตอาการ หากเด็กมีอาการผิดปกติ หรือเรียนไม่ไหวแนะนำให้ผู้ปกครองมารับกลับบ้าน 
  • หากเด็กกลับมาเรียนได้ตามปกติ ควรงดวิชาพลศึกษาก่อนจนกว่าจะครบ 6 สัปดาห์
  • งดการเล่นกีฬาที่มีการปะทะกันแรง ๆ หรือกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ เช่น ปีนต้นไม้ กระโดดแทรมโพลีน ปั่นจักรยาน โดยต้องงดออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมลักษณะนี้ 6 สัปดาห์ แต่หากเด็กสบายดีแล้ว สามารถให้วิ่งเล่นเบา ๆ ได้ แต่ต้องหลัง 4 สัปดาห์หลังจากเกิดการบาดเจ็บ
  • จำกัดเวลาในการเล่นโทรศัพท์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่เกิน 30 นาที/ครั้ง และไม่ควรเกิน 2 ชั่วโมง/วัน อุปกรณ์เหล่านี้อาจไปรบกวนการทำงานของสมอง
  • แนะนำให้อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือนอนหลับพักผ่อนให้ร่างกายฟื้นตัวจะดีที่สุด
  • กิจกรรมที่แนะนําช่วงพักฟื้นคือ อ่านหนังสือ ฟังเพลงบรรเลงเบา ๆ และนอนหลับให้เพียงพอ
  • ควรมาตามนัดแพทย์ทุกครั้งแม้ว่าอาการจะหายดีแล้วก็ตาม
ล้มหัวฟาดพื้น อุบัติเหตุที่พ่อแม่ที่มีเด็กเล็กควรระวัง | ประกันอุบัติเหตุที่รู้ใจ

วิธีป้องกันไม่ให้เด็กหัวกระแทกพื้นรุนแรง

วัยเด็กเป็นวัยที่อยากรู้อยากลอง และไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ ดังนั้นแล้วสิ่งที่เราต้องทำให้ดีคือเลี้ยงเด็กให้ปลอดภัยจากปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลให้เด็กหัวกระแทกพื้นได้ ดังนี้

  1. จัดบ้านให้ปลอดภัย เก็บข้าวของให้เป็นที่ ไม่รกเกะกะทางเดิน และไม่ให้เด็กไปเล่นในบริเวณพื้นต่างระดับหรือบันได
  2. เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ปลอดภัย ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่มีเหลี่ยมมุมแหลมคม และมีความมั่นคง เพื่อลดความรุนแรงเมื่อหัวไปกระแทก หรือหากมีขอบหรือมุมที่แหลม แนะนำให้ซื้อซิลิโคนหรือยางกันกระแทกขอบโต๊ะ
  3. ให้เด็กใส่รองเท้าหรือถุงเท้าที่มียางกันลื่น เพื่อป้องกันการลื่นล้มขณะเดินหรือคลาน หรือปูพื้นด้วยแผ่นรองสำหรับเด็ก 
  4. เลือกของเล่นเด็กที่ไม่มีเหลี่ยม ไม่มีมุมแหลมคม น้ำหนักเบา มีปัจจัยก่อให้เกิดอันตรายจากการกระแทกหัวได้น้อย
  5. ทาน้ำยากันลื่น ในบริเวณที่มีโอกาสลื่นล้ม เช่น ห้องน้ำหรือพื้นที่ที่เปียกบ่อย
  6. ดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด ไม่ควรปล่อยให้เด็กเล่นอยู่ตามลำพัง โดยเฉพาะในบริเวณที่มีความเสี่ยงสูง

การทำประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลหรือประกันสุขภาพเด็ก ให้กับลูกหรือเด็กวัยกำลังซนเป็นทางเลือกให้ผู้ปกครองนำมาพิจารณา เพราะวัยเด็กเป็นวัยแห่งการเรียนรู้และเล่นซน การหกล้ม บาดเจ็บ มักจะเกิดขึ้นได้บ่อย และเมื่อเกิดขึ้นประกันจะช่วยซัพพอร์ตค่ารักษา รวมทั้งสามารถเลือกให้ลูกเข้าถึงการรักษาที่ต้องการได้อีกด้วย

สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้ เกี่ยวกับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ด้านสุขภาพ รวมถึงเกร็ดความรู้เกี่ยวกับประกันภัยต่าง ๆ ได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือเพิ่มเพื่อนทาง LINE ได้เลย (Official LINE ID: @roojai)

คำจำกัดความ

แทรมโพลีน คือ อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับออกกำลังกายประเภทหนึ่ง ที่ใช้ผืนผ้าใบขึงให้ตึงกับคานยึดที่เป็นเหล็กและมีสปริงคอยทำหน้าที่ในการขึงผ้าใบให้ตึง เป็นเครื่องเล่นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ใช้สำหรับกระโดดบนแทรมโพลีน ถือเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง
หมดสติ หมายถึง ภาวะที่ร่างกายสูญเสียสติ หรือความรู้สึกตัวชั่วคราว เป็นการสูญเสียการรับรู้ต่อสิ่งแวดล้อม และไม่สามารถตอบสนองต่อการกระตุ้นใด ๆ ได้
previous article
< บทความก่อนหน้า

ถูกทำร้ายร่างกาย ใช้ความรุนแรง แนะวิธีแจ้งความปกป้องสิทธิ์