ทำนายฝันแบบจิตวิทยา จิตใต้สำนึกกำลังอยากบอกอะไรคุณ

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยผ่านเรื่องราวต่าง ๆ จากความฝันของตัวเอง ทั้งฝันดีและฝันร้าย ตามความเชื่อของคนไทยแล้ว ฝันมักจะเป็นลางบอกเหตุอะไรบางอย่าง และหลายครั้งที่ “การทำนายฝัน” โดนตีความไปต่าง ๆ นานาด้วยกรอบของความเชื่อ
รู้ใจไม่ได้จะมาใบ้หวยหรือให้เลขเด็ด แต่เราจะมาพูดถึงความฝันตามหลักของจิตวิทยา ฝันแบบนี้แปลว่าอะไร ร่างกายและจิตใต้สำนึกกำลังส่งสัญญาณอะไรมาถึงเรา มาค้นหาคำตอบของ “ความฝัน” และ “ทำนายฝันตามหลักจิตวิทยา” ในบทความนี้กัน

ความฝันมักมาคู่กับการทำนายฝัน มันสามารถบอกอนาคตเราได้จริง ๆ หรือว่ามันเป็นหนึ่งในพลังลึกลับของสมองของเรา หลายคนที่เคยฝันเห็นเหตุการณ์บางอย่างแล้วมันก็เกิดขึ้นจริง ๆ หรืออีกหลาย ๆ คนที่รู้สึกถึงเหตุการณ์ว่า “เอ๊ะ ทำไมเหมือนเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วนะ” อาการอย่างนี้เรียกว่า เดจาวู สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ มนุษย์พยายามค้นหาคำตอบว่ามันสามารถบอกอนาคตได้จริงหรือเป็นเพียงแค่ความต้องการลึก ๆ อย่างความฝันภายในจิตใจของเรา

ความฝันกับจิตวิทยาเกี่ยวข้องกันหรือไม่

ความฝัน คือ การแสดงออกของความนึกคิด ความรู้สึก และเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในสมอง ในขณะที่เรากำลังหลับ โดยส่วนใหญ่มักจะฝันคืนละสองถึงสามครั้ง หรือมากกว่านั้น แต่มีเพียงบางคนเท่านั้นที่สามารถจำความฝันของตัวเองได้

สำหรับความฝันของคนไทย มักถูกเอาไปโยงกับเรื่องของความเชื่อ ความลี้ลับต่าง ๆ โดยการนำเอาความฝันไปผูกเข้ากับคำทำนายฝัน เหตุการณ์ต่าง ๆ ด้วยหลักของโหราศาสตร์ แต่ในหลักจิตวิทยาซึ่งถือเป็นความเชื่อในระดับสากล ความฝันอาจบอกถึงร่างกายและจิตใจข้างในของเรา

นักจิตบำบัดสามารถช่วยเราทำนายความฝันได้หรือไม่

ไม่ใช่นักจิตบำบัดทุกคนที่จะสามารถอธิบายความหมายของความฝันให้เราได้ อาจด้วยเพราะประสบการณ์ของเรากับของนักจิตบำบัดนั้นแตกต่างกัน จึงอาจแปลความหมายไม่เหมือนกัน จะสังเกตได้ว่านักจิตบำบัดที่มีความเชี่ยวชาญจะชวนเราพูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันก่อน ทั้งเป้าหมายในชีวิต ความต้องการต่าง ๆ โดยข้อมูลที่ได้ นักจิตบำบัดจะนำไปวิเคราะห์เชื่อมโยงระหว่างเรื่องราวในชีวิตและความฝันของเรา

นักจิตวิทยาทำนายฝันแต่ละประเภทไว้อย่างไร

หลายครั้งที่เราตื่นขึ้นมาแล้วหยิบมือถือเสิร์ชหาความหมายของฝัน ทำนายฝันเมื่อคืนและนำมาเชื่อมโยงกับตัวเรา เอาไปตีเป็นเลข หรือเอาไปตีความตามความเชื่อต่าง ๆ เช่น ฝันว่าบินได้ตามความเชื่อ จะหมายถึง สิ่งที่คาดหวังไว้จะสำเร็จ แล้วนักวิทยาศาสตร์หรือนักจิตวิทยาล่ะ พวกเขาตีความหมายของความฝันแบบนี้ไว้ว่าอะไร ไปดูกัน

ฝันว่าบินได้

นักจิตบำบัดทำนายฝันประเภทนี้ไว้ว่า เราได้หลุดออกจากความกดดัน ความเครียด หรือสามารถจัดการปัญหายุ่งยากที่รบกวนจิตใจเราได้สำเร็จ

ฝันว่ากำลังโดนไล่ล่า

เชื่อว่าทุกคนคงเคยฝันว่ากำลังถูกตามล่า ตามฆ่า หรือวิ่งหนีอะไรสักอย่าง และการวิ่งในฝันก็แสนจะเชื่องช้า ตามหลักจิตวิทยา การฝันแบบนี้ตีความได้ว่า เราอาจกำลังประสบกับเหตุการณ์ที่รับมือไม่ได้ หรือกำลังอยากจะหนีจากปัญหาอะไรสักอย่างที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น

ฝันว่าฟันหลุด

คนโบร่ำโบราณบอกกับลูกหลานมาปากต่อปากว่า ถ้าฝันว่าฟันหลุด จะมีการสูญเสียญาติผู้ใหญ่ ในทางวิทยาศาสตร์ ฝันแบบนี้แปลได้ว่า เรากำลังเผชิญกับบุคคลหรือสถานการณ์ที่ทำให้สูญเสียความมั่นใจ สูญเสียความเป็นตัวเองอยู่ในขณะนั้น

ฝันว่าปวดฉี่แต่หาห้องน้ำไม่เจอ

ถ้าเราเล่าความฝันประเภทนี้ให้นักจิตวิทยาฟัง พวกเขาจะตีความหมายได้ว่า เราอาจกำลังไม่กล้าที่จะบอกความต้องการของตัวเอง เพราะสถานการณ์ที่เผชิญอยู่อาจกดดันจนเกินไป

ฝันว่าเปลือยในที่สาธารณะ

ว่ากันในแง่หลักจิตวิทยา เสื้อผ้าคือสิ่งที่เราเลือกสวมใส่ เพื่อบ่งบอกความเป็นตัวตนของเรา การที่เราฝันว่าเรากำลังเปลือยอยู่นั้นอาจทำนายฝันได้ว่า เรากำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่เปราะบางเกี่ยวกับความรู้สึก

ฝันว่าสอบตก

ไม่จำเป็นว่าฝันแบบนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะในวัยเรียนเท่านั้น ทุกคนสามารถฝันว่าสอบตกได้เช่นกัน การฝันแบบนี้ทางจิตวิทยาทำนายฝันว่า ร่างกายกำลังมีความเครียด หรือมีความวิตกกังวลก่อนการเข้านอนนั่นเอง

ฝันว่าบ้านไฟไหม้หรือน้ำท่วม

ในทางวิทยาศาสตร์ หมายความว่า เรากำลังรู้สึกไม่เป็นตัวเอง หรือไม่มั่นคงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้ เพราะบ้านเปรียบเสมือนเกราะป้องกัน เมื่อเกราะป้องกันถูกทำลายลง เราจึงรู้สึกว่าตัวเองไม่ปลอดภัย

ฝันถึงภัยพิบัติต่าง ๆ

ความฝันที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์เลวร้าย ภัยพิบัติ บ่งบอกว่าเรากำลังเผชิญหน้ากับปัญหาที่ไม่สามารถควบคุมได้ ในบางครั้งอาจทำให้ร่างกายมีความผิดปกติร่วมด้วย เช่น หายใจไม่ออก ขยับตัวไม่ได้ หรือมองเห็นภาพหลอน ซึ่งตามความเชื่อของคนไทยเรียกอาการเเบบนี้ว่า “ผีอำ”

นี่เป็นเพียงบางส่วนของการทำนายฝันในทางวิทยาศาสตร์ จะเห็นว่าทุกข้อเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเราเองและร่างกายของเราทั้งสิ้น อาจจะเรียกสิ่งนี้ได้ว่าเป็นจดหมายจากร่างกายส่งถึงเราเพื่อบอกความต้องการในขณะนั้น ยังมีเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับความฝันอีกอย่างคือ คนเราสามารถฝึกควบคุมความฝันได้ จะเป็นอย่างไร ตามอ่านด้านล่างนี้กัน

เชื่อไหมว่า เราสามารถควบคุมความฝันได้ ?

Lucid Dream คือ ความฝันในขณะที่ตัวเองรู้ว่าเรากำลังฝันอยู่ คนที่รู้ตัวว่ากำลังฝันอยู่ นอกจากจะรู้แล้วว่านี่คือความฝันนะ พวกเขายังสามารถจัดการกับเรื่องราวในความฝันได้อีกด้วย หากเพื่อน ๆ ที่กำลังอ่านอยู่นี้ อยากบังคับฝันได้แบบ Lucid Dream เรามีวิธีฝึกมาเป็นบทแถมท้ายให้อีกด้วย

วิธีฝึกให้เป็น Lucid Dream

1. ในขณะที่เรายังตื่นอยู่ ให้ถามตัวเองว่า “เรากำลังฝันอยู่หรือเปล่า” และให้ลองเช็คว่าเรากำลังตื่นอยู่จริงหรือไม่ การฝึกฝนแบบนี้เป็นประจำจะทำให้เรารู้สึกตัวได้อัตโนมัติเวลาที่เรากำลังฝันอยู่
2. จดบันทึกทุกครั้งที่ตื่นจากความฝัน ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญสำหรับการฝึก Lucid Dream การจดบันทึกแบบนี้เพื่อให้สมองของเราจดจำรายละเอียดต่าง ๆ ได้ และจะสามารถแยกได้ว่าอันไหนเรื่องจริงหรืออันไหนที่เรากำลังฝันอยู่
3. เข้านอนให้เป็นเวลา ส่วนใหญ่แล้ว Lucid Dream จะเป็นช่วงที่เราหลับลึกประมาณตีสามถึงตีห้า หรือสองชั่วโมงก่อนตื่น
4. ความยาวของความฝันจะอยู่ราว ๆ 1 ชั่วโมง ถ้าอยากฝึก อาจใช้วิธีตั้งนาฬิกาปลุกหลังจากช่วงหลับลึก ประมาณตีสี่ถึงหกโมง และเมื่อตื่นขึ้นมาให้พยายามนึกความฝันให้ได้มากที่สุด เมื่อนึกได้มากที่สุดแล้ว ให้กลับไปนอนต่อโดยให้จินตนาการว่าเรากำลังจะฝันต่อจากที่เราตื่น ทำเช่นนี้บ่อย ๆ ก็จะสามารถบังคับความฝันได้
5. กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนว่าเราอยากฝันเรื่องอะไรก่อนนอนทุกครั้ง หรือคิดอะไรซ้ำๆ ในเรื่องที่เราอยากฝันก่อนที่จะเข้านอน ความหมกมุ่นเหล่านี้จะถูกฝังลงไปในจิตใต้สำนึกของเราทำให้ฝันถึงเรื่องนั้น ๆ ได้

เป็นอย่างไรกันบ้าง กับเรื่องราวของการทำนายฝันแบบวิทยาศาสตร์ในฉบับของจิตวิทยา รู้ใจว่าน่าสนใจไม่น้อยกว่าไสยศาตร์ เพราะเรื่องราวความซับซ้อนของสมองของเรา มีเรื่องน่าอัศจรรย์อีกหลายอย่างที่เราต้องเรียนรู้กันต่อไป กับกลไกการทำงานที่น่าทึ่งของสมอง

สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)