Roojai

รู้ใจ เข้าซื้อกิจการ ไดเร็ค เอเชีย อีกก้าวของการขยายกิจการ

รู้ใจ เข้าซื้อกิจการ ไดเร็ค เอเชีย อีกก้าวของการขยายกิจการ พร้อมก้าวสู่กลุ่มประกันภัยที่มีช่องทางการขายให้กับผู้บริโภคโดยตรง ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

รู้ใจ ประกันออนไลน์ชั้นนำของประเทศไทย ประกาศเข้าทำสัญญาในการเข้าซื้อกิจการ  ไดเร็ค เอเชีย กรุ๊ป จากเครือฮิสค็อกซ์ (Hiscox) ที่จะช่วยเสริมสถานะความแกร่งของรู้ใจในตลาด ด้วยพอร์ตประกันภัยรถยนต์กว่า 400,000 คัน ใน 3 ประเทศ และจำนวนลูกค้าที่ครอบคลุมกว่า 300,000 ราย รวมประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ

หลังเสร็จสิ้นการทำธุรกรรม ไดเร็ค เอเชีย ประเทศไทย จะเปลี่ยนชื่อเป็น รู้ใจ ประเทศไทย โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับทางกฎหมาย ทั้งนี้ ไดเร็ค เอเชีย สิงคโปร์ จะยังคงชื่อและภาพลักษณ์ของแบรนด์ตามเดิม การซื้อกิจการครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกรมธรรม์ประกันภัยและการให้บริการของลูกค้าในความคุ้มครองของ ไดเร็ค เอเชีย ประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนหรือบริการอื่น ๆ

รู้ใจ ก่อตั้งขึ้นในปี 2559 โดยมุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรมใหม่ทางโซลูชันเทคโนโลยี เพื่อทำให้การทำประกันเป็นเรื่องเป็นเรื่องง่าย มีความคุ้มค่า และเชื่อถือได้ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์และบริการในหมวดประกันภัยรถยนต์ ประกันอุบัติเหตุหรือประกันสุขภาพ ผ่านรูปแบบการขายโดยตรงสู่ผู้บริโภคบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ซึ่งตอนนี้ รู้ใจ กำลังจะมีการดําเนินงานในประเทศไทย สิงคโปร์และอินโดนีเซีย

นิโคลัส ฟาร์เกต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งรู้ใจกรุ๊ป กล่าวว่า “ไดเร็ค เอเชีย และ รู้ใจ มีวิสัยทัศน์เดียวกันในการทําประกันภัยให้เป็นเรื่องง่ายและมีราคาดีสำหรับผู้ขับขี่ปลอดภัย เรามุ่งเน้นความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งการรวมทั้งสองบริษัทเข้ามาในกลุ่มเดียวกันจะสร้างศักยภาพซึ่งช่วยในการขยายธุรกิจรูปแบบการประกันภัยโดยตรงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป”

การทําธุรกรรมนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขทางสัญญาและการขออนุมัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2566

เงื่อนไขของการทําธุรกรรมไม่เป็นที่เปิดเผย

เกี่ยวกับไดเร็ค เอเชีย

ไดเร็ค เอเชีย ก่อตั้งขึ้นในสิงคโปร์ในปี 2553 และเปิดตัวในประเทศไทยในปี 2556 โดยธุรกิจหลักคือประกันภัยรถยนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ประกันภัยไม่กี่แห่งในเอเชีย ไดเร็คเอเชียมีโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง จากช่องทางการจัดจําหน่ายที่หลากหลาย และใช้กลไกการกำหนดราคาที่แข่งขันได้ และในปี 2565 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 52.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ภายใต้มาตรฐาน IFRS 4)