Roojai

เติมลมยางไนโตรเจน ต่างจากลมยางธรรมดาอย่างไร

เรียกว่าเป็นคำถามที่ได้ยินหรือได้เห็นบ่อยๆ ทั้งจากโลกโซลเชียล จากลูกค้าที่เข้าไปรับบริการในศูนย์ฯ หรืออู่ซ่อมรถต่างๆ ว่าการเลือกเติมด้วยลมธรรมดาหรือจะเติมด้วยลมไนโตรเจนแบบใดนั้นดีกว่ากัน ซึ่งในความเป็นจริงก็สามารถใช้ได้ 2 แบบครับ แต่ถ้าหากเจาะลึกไปในรายละเอียด เราก็มีคำตอบมาให้ว่าลมแต่ละประเภทที่ถามมานั้น มีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่แตกต่างกันอย่างไร

เริ่มต้นที่ไนโตรเจน มีคุณสมบัติเป็นอโลหะมีสถานะเป็นแก๊สมีอยู่ทั่วไป โดยปกติไม่มีสี กลิ่น หรือรส ซึ่งไนโตรเจนเป็นส่วนประกอบของบรรยากาศของโลก มีมากถึง 78% ของบรรยากาศโลก และยังเป็นส่วนประกอบของเนื้อเยื่อในสิ่งมีชีวิตต่างๆ สรุปคือไนโตรเจนเป็นส่วนประกอบของบรรยากาศโลกและอากาศที่เราหายใจอยู่นั่นเอง ประโยชน์ของไนโตรเจนก็อยู่มีมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือการนำมาเติมเข้าไปในยางรถยนต์

การเติมลมยางด้วยไนโตรเจน ก็มีข้อดีอยู่เช่นกัน คือไม่ทำให้กระทะล้อเป็นสนิม เนื่องจากไนโตรเจนไม่มีส่วนประกอบของไอน้ำ หรือ H2O ซึ่งจะไปทำปฏิกิริยากับกระทะล้อที่เป็นเหล็ก อันเป็นสาเหตุให้เกิดสนิม อีกทั้งยังทำให้แป้งที่เคลือบยางไม่เป็นก้อน ในขณะเดียวกันหากเติมลมยางแบบธรรมดา ส่วนประกอบของลมที่เติมเข้าไปนั้นประกอบด้วยไฮโดรเจน ออกซิเจนและสารอื่นๆ เมื่อมีการรวมตัวของไฮโดรเจนและออกซิเจน จึงเกิดเป็นหยดน้ำเช่นกัน ทำให้แป้งที่เคลือบยางกลายเป็นก้อน หากใช้ไปนานๆ ก้อนแป้งก็จะโตขึ้นและทำให้ความสมดุลของล้อเปลี่ยนไป แม้จะมีการนำไปถ่วงใหม่ก็อาจไม่ดีหรือเที่ยงตรงเช่นเดิม ไนโตรเจนมีส่วนช่วยลดการระเบิดของลมยาง เพราะก๊าซไนโตรเจนเป็นก๊าซเฉื่อย การขยับตัวทำได้ที่ช้า โมเลกุลเสียดสีกันน้อย ทำให้เกิดความร้อนสะสมของลมยางน้อย แรงดันลมมีการเปลี่ยนแปลงน้อย ทำให้มีโอกาสการระเบิดน้อย เพราะการระเบิดของยางส่วนใหญ่ เกิดจากแรงดันลมที่เพิ่มสูงขึ้น และเมื่อมาเจอกับโครงสร้างของผ้าใบของยางเสื่อมคุณภาพ จึงมีความเสี่ยงที่ยางจะเกิดระเบิดได้ แต่ในกรณีนี้บอกเลยเกิดขึ้นได้ยาก

นอกจากนี้การเติมลมไนโตรเจนไม่ต้องตรวจเช็คแรงดันลมยางบ่อยๆ เพราะอะตอมไนโตรเจนมีขนาดโตกว่าออกซิเจนทำให้การซึมผ่านของไนโตรเจนน้อยกว่า นอกจากนี้ก็มีส่วนช่วยให้ยางมีอายุการใช้งานยาวขึ้น เนื่องจากไนโตรเจนเป็นก๊าซเฉื่อยทำให้อุณหภูมิยางน้อย จากการทดสอบในอเมริกาพบว่าการเติมลมไนโตรเจนช่วยให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ เนื่องจากอุณหภูมิของล้อที่ลดลงก็จะมีส่วนช่วยลดแรงเสียดทานในการหมุนของยาง จึงช่วยประหยัดน้ำมัน

อย่างไรก็ดีการเติมลมยางไนโตรเจนก็มีข้อด้อยเช่นกัน โดยเฉพาะจุดบริการซึ่งมีจำนวนน้อย แถมเติมก็ยังต้องเสียเงินอีกต่างหาก ต่างกับลมยางธรรมดาที่ปั๊มไหนๆ ก็มี อีกทั้งก็เติมกันได้แบบฟรีๆ ไม่เสียเงิน นอกจากนี้หากเราต้องการจะเปลี่ยนจากลมแบบธรรมดาเป็นไนโตรเจน ต้องปล่อยลมออกให้หมดก่อน เพราะหากไม่ปล่อยออก ไนโตรเจนที่เราเติมเข้าไปก็จะกลายเป็นลมธรรมดา ซึงก็มีหลายครั้งที่ช่างของศูนย์บริการแห่งไม่ได้ใส่ใจ เมื่อลูกค้านำรถเข้าไปเติมก็อัดลมไนโตรเจนเข้าไปทันที โดยที่ไม่ถามสักคำว่าก่อนหน้านี้ลมยางนั้นเป็นแบบใด ในจุดนี้ทางที่ดีเราก็ควรแจ้งช่างให้ทราบก่อนล่วงหน้าครับ

สรุปได้ว่าการเติมลมแต่ละประเภทก็มีข้อดีข้อด้อยต่างกันไปครับ หากถามว่าอันไหนดีที่สุดคำตอบก็คือไนโตรเจน แต่ไม่ก็ได้แปลว่าต้องรีบเปลี่ยนมาใช้แบบทันทีทันใด เพราะรถที่ใช้งานจริงๆ อยู่บนท้องถนนส่วนใหญ่ล้วนเป็นลมธรรมดาทั้งสิ้น ก็ยังสามารถใช้งานกันได้ปกติ ที่สำคัญบริษัทยางก็ไม่ได้ระบุหรือบังคับว่าต้องเติมไนโตรเจนเท่านั้น และการใช้งานของเราก็ไม่ได้ลงรายละเอียดมากมาย ไม่ได้มีสัมผัสเทพว่าเติมไนโตรเจนไปแล้วรู้สึกรถนิ่มกว่าเดิม หรือว่าเติมไปแล้วประหยัดน้ำมันกว่าเดิมชัวร์ ถ้าคนขับยังขยี้คันเร่งเสมือนรถใช้น้ำเปล่าอยู่ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะท้ายที่สุดก็ผู้ขับเองต้องหมั่นตรวจเช็ครถให้พร้อมใช้อยู่เสมอไม่ว่าจะลมธรรมดาหรือลมไนโตรเจนก็ตาม เพราะสิ่งสำคัญทุกการขับต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินอยู่เสมอ