
ในชีวิตประจำวัน หลายคนอาจไม่ได้สังเกตอาการของตนเอง เช่น ปัสสาวะบ่อยหรือมีเลือดปนในปัสสาวะ แต่รู้หรือไม่ว่าอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะที่ชื่อว่า “มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ” โรคนี้แม้จะไม่ใช่มะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุด แต่ก็เป็นหนึ่งในมะเร็งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากตรวจพบช้าอาจลุกลามและรักษาได้ยาก
สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!
- มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ คืออะไร?
- สาเหตุของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
- วิธีสังเกตอาการเสี่ยงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
- วิธีการตรวจและวินิจฉัยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
- วิธีรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
- รักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะแล้ว กลับมาเป็นซ้ำได้มั้ย?
มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ คืออะไร?
กระเพาะปัสสาวะ เป็นอวัยวะที่มีลักษณะคล้ายถุง ทำหน้าที่เก็บปัสสาวะไว้ก่อนจะถูกขับออกจากร่างกาย โดยอยู่ในบริเวณอุ้งเชิงกราน ด้านในของกระเพาะปัสสาวะบุด้วยเซลล์พิเศษที่เรียกว่า เซลล์ทรานซิชันนัล (Transitional Cell) ซึ่งมีหลายชั้น เซลล์เหล่านี้ช่วยป้องกันไม่ให้ของเสียในปัสสาวะถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด ถ้าเซลล์เหล่านี้เกิดการเจริญเติบโตผิดปกติ และร่างกายไม่สามารถควบคุมได้ อาจกลายเป็นเนื้อร้าย (Transitional Cell Carcinoma) หรือ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ นั่นเอง มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ หากตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก ๆ จะมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้ แต่หากตรวจเจอระยะท้าย ๆ แล้ว การรักษาให้หายขาดนั้นอาจเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก
เปิดสถิติ คนไทยเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะมาก-น้อยแค่ไหน?
ตามรายงานล่าสุดของ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ (Cancer in Thailand Vol.XI 2019-2021) พบว่า มีผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะรายใหม่เฉลี่ยวันละประมาณ 7 คน คิดเป็นประมาณ 2% ของผู้ป่วยมะเร็งทั้งหมด โดยโรคนี้พบใน ผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 3–4 เท่า และหากตรวจพบช้า หรือมะเร็งอยู่ในระยะลุกลาม อัตราการเสียชีวิตก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
(ที่มา: บทความของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข)
สาเหตุของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
สาเหตุนั้น ยังไม่มีการรายงานที่แน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ที่ทำให้เซลล์กระเพาะปัสสาวะกลายไปเป็นเซลล์มะเร็งได้ แต่มีปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น
- การสูบบุหรี่ สารเคมีจากบุหรี่จะถูกขับออกทางปัสสาวะ และไปรบกวนเยื่อบุกระเพาะปัสสาวะ
- การสัมผัสสารเคมีจากอุตสาหกรรม เช่น สี ยาง ปิโตรเคมี
- การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะเรื้อรัง
- มีประวัติมะเร็งกระเพาะปัสสาวะในครอบครัว
วิธีสังเกตอาการเสี่ยงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
อาการที่สำคัญ คือ ปัสสาวะเป็นเลือด โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่มีอาการปวดหรือแสบขัดเวลาปัสสาวะร่วมด้วย จะยิ่งมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะมากขึ้น บางครั้งอาจมีอาการคล้ายกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แนะนำว่าไม่ควรหาซื้อยาทานเอง ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรค หาสาเหตุ และทำการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป
วิธีการตรวจและวินิจฉัยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
แพทย์จะทำการตรวจปัสสาวะก่อน หากพบว่าผู้ป่วยมีแนวโน้มเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ แพทย์อาจพิจารณาให้มีการตรวจเพิ่มเติม ดังนี้
- ตรวจเพิ่มด้วยวิธีการส่องกล้องผ่านท่อปัสสาวะ เพื่อตัดชิ้นเนื้อตัวอย่างในกระเพาะปัสสาวะไปตรวจเพิ่มเติมในห้องแลบ
- การตรวจเพิ่มด้วยรังสีวินิจฉัย หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ CT Scan หรือ MRI ซึ่งเป็นวิธีที่แม่นยำในการหาเซลล์มะเร็ง
วิธีรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
การรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ระยะของโรค ชนิดของเซลล์มะเร็ง อายุผู้ป่วย และสุขภาพของผู้ป่วย โดยมีวิธีการรักษามะเร็งหลัก ๆ เช่น
1. รักษาด้วยการผ่าตัด
การผ่าตัดเพื่อการรักษาแบ่งเป็น 2 กรณีหลัก คือ
- การผ่าตัดโดยใส่กล้องผ่านทางท่อปัสสาวะ – วิธีนี้จะตัดเนื้องอกออก และยังเก็บกระเพาะปัสสาวะไว้ เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะในระยะเริ่มต้น อาจมีการรักษาด้วยรังสี คีโม หรือภูมิคุ้มกันบำบัดร่วมด้วย
- การผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะ – มีทั้งการผ่าตัดเฉพาะส่วนที่เป็นมะเร็ง และผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะทั้งหมด รวมถึงต่อมน้ำเหลือง และอวัยวะใกล้เคียง เช่น ต่อมลูกหมากหรือมดลูก หลังการตัดกระเพาะปัสสาวะทั้งหมด แพทย์จะสร้างทางเบี่ยงสำหรับการขับปัสสาวะ คนไข้จะยังสามารถถ่ายปัสสาวะได้ปกติทางท่อปัสสาวะ
2. การรักษาด้วยเคมีบำบัด หรือการทำคีโม
วิธีการรักษาที่ใช้ยาเพื่อทำลายหรือหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยมักใช้ร่วมกับการรักษาอื่น เช่น การผ่าตัดหรือการฉายรังสี ขึ้นอยู่กับระยะและความรุนแรงของโรค
3. การรักษาด้วยการฉายรังสี
การฉายรังสี หรือการฉายแสงนั้น จะเป็นการนำพลังงานจากรังสีพลังงานสูง เพื่อทำลายสารพันธุกรรม (DNA) ภายในเซลล์มะเร็ง ทำให้เซลล์มะเร็งไม่สามารถเจริญเติบโตและตายไป ซึ่งสามารถทำลายได้อย่างตรงจุด และแม่นยำ
การเลือกวิธีการรักษาขึ้นอยู่กับระยะของมะเร็งและสุขภาพของผู้ป่วย โดยแพทย์จะพิจารณาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด มีผลข้างเคียงต่อผู้ป่วยน้อยที่สุด แต่การจะเข้าถึงการรักษาที่ดีที่สุด ผลข้างเคียงน้อย ก็ต้องมีค่ารักษาพยาบาลที่ตอบโจทย์การรักษา ซึ่งจุดนี้หากทำประกันที่คุ้มครองอย่างประกันมะเร็งติดไว้ก็ถือว่าช่วยแบ่งเบาภาระค่าพยาบาล รวมถึงเข้าถึงการรักษาที่ดีและตอบโจทย์ได้ โดยอย่าลืมศึกษาเงื่อนไขและข้อกำหนดก่อนการทำประกันทุกครั้ง
รักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะแล้ว กลับมาเป็นซ้ำได้มั้ย?
มะเร็งกระเพาะปัสสาวะสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้และมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นซ้ำด้วย แม้ว่าจะได้รับการรักษาจนหายแล้วก็ตาม ดังนั้นหลังจากที่ผู้ป่วยผ่านขั้นตอนการรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะแล้ว แพทย์จะทำการนัดติดตามผลการรักษา ในปีแรกจะนัดถี่หน่อย เช่น ติดตามอาการทุก 3 และ 6 เดือน หากติดตามอาการแล้วไม่พบว่ามะเร็งจะกลับมาภายใน 2-3 ปี แพทย์อาจจะทำการนัดติดตามอาการเพียงปีละ 1 ครั้ง
มะเร็งเป็นเรื่องใกล้ตัวมากกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะหรือมะเร็งชนิดอื่น ๆ และมีแนวโน้มที่คนอายุน้อยมีความเสี่ยงมะเร็งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น การตรวจสุขภาพเป็นประจำ พบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติของร่างกายเพื่อวินิจฉัยและรักษา รวมถึงดูแลสุขภาพร่างกาย ลดพฤติกรรมเสี่ยง เครียด บุหรี่ แอลกอฮอล์นอนดึก เพิ่มพฤติกรรมที่ดี เช่น การออกกำลังกาย พักผ่อนเพียงพอ ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงโรคร้ายต่าง ๆ ด้วยนั่นเอง
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้ เกี่ยวกับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ด้านสุขภาพ รวมถึงเกร็ดความรู้เกี่ยวกับประกันภัยต่าง ๆ ได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือเพิ่มเพื่อนทาง LINE ได้เลย (Official LINE ID: @roojai)
คำจำกัดความ
ปิโตรเคมี (Petrochemical) | คือ สารเคมีที่ได้จากกระบวนการแปรรูปน้ำมันดิบหรือก๊าซธรรมชาติ ซึ่งนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสิ่งของต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น เอทิลีน (Ethylene), โพรพิลีน (Propylene), เบนซีน (Benzene) เป็นต้น |
สารพันธุกรรม (DNA) | รหัสหรือคู่มือที่ควบคุมลักษณะต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิต เช่น สีตา สีผม ความสูง การทำงานของเซลล์ รวมถึงการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากพ่อแม่ไปยังลูก |