Roojai

อาการสั่น ถ้าไม่ใช่โรคพาร์กินสัน เกิดจากอะไรได้บ้าง?

Article Roojai Verified
อาการสั่นที่ไม่ได้เกิดจากโรคพาร์กินสัน | รู้ใจประกันภัย

หลายคนเมื่อเริ่มมีอาการมือสั่น หรือร่างกายสั่น อาจตกใจและคิดไปไกลว่าเป็นโรคพาร์กินสัน ทั้งที่จริงแล้วอาการสั่นอาจเกิดจากหลายสาเหตุที่ไม่เกี่ยวข้องกับโรคร้ายแรงนี้เลยก็ได้ บทความนี้จะพาเจาะลึกว่า อาการสั่นเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง

สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!

อาการสั่น เกิดจากอะไรได้บ้าง?

อาการสั่นคือ การเคลื่อนไหวของร่างกายที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาจเกิดขึ้นที่มือ แขน ขาสั่น หรือส่วนใดในร่างกายก็ได้ และอาจเกิดได้ตลอดเวลาหรือเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวได้เช่นกัน โดยสาเหตุของอาการสั่น มีดังนี้

1.  โรคสั่นโดยไม่ทราบสาเหตุ (Essential Tremor – ET)

เป็นภาวะที่พบบ่อยที่สุดในกลุ่มอาการสั่นที่ไม่ใช่พาร์กินสัน มักเกิดขณะเคลื่อนไหว เช่น ขณะเขียนหนังสือ หรือหยิบของ โดยพบอาการสั่นที่นิ้วมือ มือ แขน หรือขา เกิดพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง หรืออาจเกิดอาการสั่นบริเวณอื่น ร่วมด้วยได้ เช่น ศีรษะ เสียง ซึ่งมีโอกาสเกิดจากกรรมพันธุ์ถึง 50% 

2. ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ

ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism) เป็นภาวะที่ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป ผลิตฮอร์โมนมากเกินจนส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย จนทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานเร็วเกินไป ส่งผลให้เกิดอาการมือสั่น ใจสั่น น้ำหนักลด

อาการสั่นจากกรรมพันธุ์ | รู้ใจประกันภัย

3.  ผลข้างเคียงจากยา

ยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดอาการสั่นได้ ตัวอย่างเช่น ยาขยายหลอดลม, ยากันชัก, ยาต้านซึมเศร้า หรือยากระตุ้นระบบประสาท อาจทำให้เกิดอาการสั่นได้

4. ภาวะเครียด วิตกกังวล หรือเหนื่อยล้า

ความเครียดและอารมณ์สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการสั่นชั่วคราวได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีแนวโน้มทางพันธุกรรม

5. การดื่มคาเฟอีนมากเกินไป

คาเฟอีน (พบในกาแฟ ชา เครื่องดื่มชูกำลัง) เมื่อดื่มเข้าไปจะกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง หากร่างกายได้รับคาเฟอีนมากเกินไป เช่น ดื่มกาแฟเข้มเกิน 2–3 แก้วติดกัน ระบบประสาทจะตื่นตัวมาก จนอาจเกิดอาการมือสั่น ใจสั่น หงุดหงิด วิตกกังวลได้

6. เลิกแอลกอฮอล์

สำหรับคนที่ดื่มหนักเป็นประจำ หากเลิกกระทันหัน อาจจะเกิดอาการสั่นอย่างรุนแรง เหงื่อออก ใจสั่น วิตกกังวล และอาจถึงขั้นชักได้ในบางราย

อาการสั่นของโรคพาร์กินสัน เป็นแบบไหน?

อาการของโรคพาร์กินสัน คือ มือสั่น ใช้งานไม่คล่อง มีอาการสั่นตอนอยู่นิ่ง ๆ พอเคลื่อนไหวการสั่นก็จะหายไป นอกจากนั้นยังมีอาการเกร็ง กล้ามเนื้อฝืด หนืด จนบางครั้งอาจปวดหรือเป็นตระคริว ใบหน้าแสดงออกได้น้อย กระพริบตาไม่บ่อย เคลื่นไหวช้าลง การทรงตัวและการเดินผิดปกติ เป็นต้น  

โรคพาร์กินสันเป็นโรคร้ายแรงโรคหนึ่ง ซึ่งไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด อาจเกิดขึ้นได้จากกรรมพันธุ์ อายุที่เพิ่มขึ้น หรือการบาดเจ็บที่ศีรษะ ฯลฯ การทำประกันโรคร้ายแรงติดไว้ ช่วยให้อุ่นใจกว่าในวันที่วินิจฉัยพบโรคร้ายแรง  โดยอย่าลืมศึกษาเงื่อนไขและความคุ้มครองตามที่กรมธรรม์กำหนดก่อนตัดสินใจทำประกัน

อาการสั่นของโรคพาร์กินสัน | รู้ใจประกันภัย

อาการสั่นไม่ทราบสาเหตุ VS โรคพาร์กินสัน ต่างกันยังไง?

อาการสั่นไม่ทราบสาเหตุ หรือที่เรียกว่า Essential Tremor (ET) และ โรคพาร์กินสัน (Parkinson’s Disease) ต่างก็มีอาการ “มือสั่น” เป็นอาการหลัก แต่มีความแตกต่างกันคือ

  • อาการสั่นจาก ET มักเกิดขึ้นขณะใช้งานมือ เช่น ตอนเขียนหนังสือ ยกช้อน หรือถือแก้วน้ำ ซึ่งต่างจากโรคพาร์กินสันที่อาการสั่นมักเกิดขณะอยู่นิ่ง เช่น ตอนวางมือบนตัก หรือนั่งเฉย ๆ โดยไม่ขยับร่างกาย
  • อาการสั่นจาก ET มักไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย ในขณะที่พาร์กินสันมักมาพร้อมกับอาการอื่น ๆ เช่น เคลื่อนไหวช้า กล้ามเนื้อตึงแข็ง ทรงตัวลำบาก หรือหน้าเรียบไร้อารมณ์ ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญของโรค

สำหรับวิธีแก้อาการมือสั่น แนะนำให้พบแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุจะเป็นการรักษาที่ตรงจุดที่สุด แม้อาการสั่นอาจเป็นเพียงอาการชั่วคราวจากความเครียด การดื่มคาเฟอีน หรือผลข้างเคียงของยา แต่บางกรณีก็อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคที่ซ่อนอยู่ เช่น โรคพาร์กินสัน ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ หรืออาการสั่นไม่ทราบสาเหตุ การรู้เร็วจะเพิ่มประสิทธิภาพการรักษามากยิ่งขึ้น

สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้ เกี่ยวกับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ด้านสุขภาพ รวมถึงเกร็ดความรู้เกี่ยบกับประกันภัยต่าง ๆ ได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือเพิ่มเพื่อนทาง LINE ได้เลย (Official LINE ID: @roojai)

คำจำกัดความ

กาเฟอีน สารอัลคาลอยด์ชนิดหนึ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง ช่วยให้ร่างกาย ตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า และลดความง่วง พบได้ในกาแฟ ชา น้ำอัดลม เป็นต้น
ระบบประสาทส่วนกลาง ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางหรือควบคุมการทำงานของระบบอื่น ๆ ของร่างกาย ตัวอย่างหน้าที่ของระบบประสาทส่วนกลาง เช่น การคิดและตัดสินใจ ควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย การพูด เป็นต้น