
การซื้อประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันโรคร้าย หรือประกันมะเร็งนั้น ทำไมผู้เอาประกันจำเป็นต้องแถลงข้อเท็จจริงก่อนการทำประกัน? บทความนี้มีคำตอบ ทั้งในเรื่องของการซื้อประกัน เพื่อไม่ให้โดนบริษัทประกันปฏิเสธประกันจากการแจ้งขอมูลเท็จ และผลลัพท์ของการไม่แถลงข้อมูลสุขภาพตามความเป็นจริง
สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!
- 5 เงื่อนไขและข้อยกเว้นที่ควรรู้ก่อนซื้อประกัน
- ทำไมบริษัทประกันต้องสืบค้นประวัติย้อนหลัง?
- แถลงสุขภาพ VS ไม่แถลงสุขภาพ ผลลัพธ์จะต่างกันยังไง?
5 เงื่อนไขและข้อยกเว้นที่ควรรู้ก่อนซื้อประกัน
ก่อนที่จะไปรู้ผลของการปกปิดข้อมูลเมื่อทำประกัน มาดูกันก่อนว่าโดยทั่วไปแล้วบริษัทประกันสุขภาพมักจะปฏิเสธการเคลมหรือไม่คุ้มครองกรณีไหนบ้าง ซึ่งแนะนำว่าข้อยกเว้นต่าง ๆ ควรตรวจสอบจากข้อมูลกรมธรรม์ของคุณจะแม่นยำและตรงประเด็นที่สุด แต่สำหรับเงื่อนไขและข้อยกเว้นทั่วไปจะมีตัวอย่างดังนี้
1. สภาพที่เป็นมาก่อนการทำประกัน
อาการอาการหรือความผิดปกติที่เกี่ยวข้อง หรือสัมพันธ์หรือเป็นผล ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่กรมธรรม์ประกันภัยปีแรกบมีผลบังคับ ไม่ว่าจะได้รับการวินิจฉัยหรือรักษาแล้วหรือไม่ก็ตาม รวมถึงผลกระทบหรือภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคหรืออาการเจ็บป่วยที่มีอยู่ก่อนการทำประกันด้วย
2. ระยะเวลารอคอย
ระยะที่บริษัทจะไม่จ่ายสินไหมทดแทน หากปรากฎอาการ หรือได้รับการตรวจวินิจฉัยหรือการรักษา ที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลานี้หลังจากวันเริ่มต้นความคุ้มครอง แม้จะเจ็บป่วยหรือมีอาการตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ก็ตาม โดยเงื่อนไขข้อกำหนดสำหรับระยะเวลารอคอยของแต่ละโรค มีดังต่อไปนี้
- โรคทั่วไปจะมีระยะเวลารอยคอย 30 วัน
- โรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง ไตวายเรื้อรัง โรคพาร์กินสัน จะมีระยะเวลารอคอย 90 วัน
หมายเหตุ: ระยะเวลารอคอยอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขบริษัทประกันและแผนประกันที่เลือก
3. การสืบประวัติการรักษา
ถึงแม้ว่าจะอยู่ในระยะเวลาที่กรมธรรม์ประกันสุขภาพให้ความคุ้มครองอยู่ แต่หากผู้เอาประกันเกิดการเจ็บป่วยจากโรคที่บริษัทประกันตั้งข้อสงสัยไว้ว่าเคยเป็นมาก่อนการทำประกันในช่วง 2-3 ปี มีโอกาสสูงที่ผู้เอาประกันต้องสำรองจ่ายค่ารักษาเองไปก่อน เพราะระหว่างนี้บริษัทประกันจะทำการสืบค้นประวัติของผู้เอาประกัน หากตรวจพบว่าไม่เป็นไปตามเงื่อนไข หรือปกปิดถ้อยคำแถลง บริษัทประกันสามารถปฏิเสธหรือสามารถบอกยกเลิกได้ แต่หากตรวจแล้วพบว่าไม่มีอะไรที่ขัดแย้งกับเงื่อนไขการเอาประกัน บริษัทประกันจะทำการชดเชยเงินค่ารักษาพยาบาลให้ภายหลัง
4. โรงพยาบาลในเครือประกัน
ปกติบริษัทประกันมักจะมีโรงพยาบาลที่เป็นพันธมิตรอยู่ ซึ่งโรงพยาบาลที่เป็นพันธมิตรกับบริษัทประกันจะสะดวกสบายกับผู้เอาประกันมากกว่า เนื่องจากหากต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในเครือ ส่วนใหญ่ผู้เอาประกันไม่จำเป็นต้องสำรองจ่ายไปก่อน จะสามารถแฟกซ์เคลมได้เลย อย่างไรก็ตามเงื่อนไขจะขึ้นอยู่กับกรมธรรม์นั้น ๆ โดยข้อมูลโรงพยาบาลในเครือนี้ ผู้เอาประกันสามารถตรวจสอบรายชื่อจากบริษัทประกันได้ จะมีบอกเอาไว้ว่าเครือโรงพยาบาลพันธมิตรมีที่ใดบ้าง
5. การต่ออายุกรมธรรม์
ตามเงื่อนไข “มาตรฐานประกันสุขภาพใหม่” บริษัทประกันต้องต่อสัญญาความคุ้มครอง หากผู้เอาประกันทำตามเงื่อนไขทุกกรณี ยกเว้น 3 กรณีดังต่อไปนี้
- บริษัทประกันพบว่าผู้เอาประกันแถลงข้อมูลเท็จในใบคำขอเอาประกัน
- บริษัทประกันพบว่าผู้เอาประกันเรียกร้องผลประโยชน์เกินความจำเป็นทางการแพทย์
- บริษัทประกันพบว่าผู้เอาประกันเรียกร้องค่าชดเชยรายวันจากทุกบริษัทประกันที่สูงกว่ารายได้ที่แท้จริงของตน
ทำไมบริษัทประกันต้องสืบค้นประวัติย้อนหลัง?
การที่บริษัทประกันสืบประวัติย้อนหลังของผู้เอาประกัน ให้เดาเอาไว้เลยว่าคุณอาจจะปกปิดหรือมีบางสิ่งที่ผิดปกติจนทำให้บริษัทประกันเกิดความสงสัย ยกตัวอย่างเช่น
- นาย ก. เพิ่งซื้อประกันสุขภาพมาได้เป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งพ้นระยะเวลารอคอยของโรคทั่วไป เมื่อพ้น 3 เดือน นาย ก. ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจโรคเรื้อรัง เช่น ผ่าตัดลำไส้ ซึ่งตรงนี้บริษัทประกันจะสงสัยได้ว่า หากนาย ก. ผู้เอาประกันสุขภาพแข็งแรงปกติดี อยู่ดี ๆ จะมาผ่าตัดลำไส้ได้ยังไง นี่จึงอาจทำให้บริษัทประกันสงสัยและเริ่มขุดประวัติการรักษา ซึ่งหากตรวจพบว่าแจ้งข้อมูลเท็จ บริษัทสามารถบอกยกเลิกกรมธรรม์ได้
Tips ประวัติการรักษาเดิมจะติดตัวเราไปตลอดชีวิตเลยหรือไม่?
ตามเงื่อนไขของบริษัทประกัน ประวัติการรักษาจะติดตัวเราไปประมาณ 10 ปี หลังจาก 10 ปี เท่ากับเริ่มนับ 1 ใหม่ แต่ไม่ว่าจะทำประกันใหม่กับบริษัทใดก็ตาม ต้องไม่ลืมที่จะ “แถลงความจริง” ทั้งนี้เพื่อประโยชน์กับตัวผู้เอาประกันเองด้วย เพื่อจะได้ทราบขอบเขตของความคุ้มครองของเรา
แถลงข้อมูลสุขภาพ VS ไม่แถลง ผลลัพธ์จะต่างกันยังไง?
1. กรณีแถลงผลสุขภาพตามความเป็นจริง
คือการที่ผู้เอาประกันเปิดเผยข้อมูลสุขภาพของตนเองอย่างครบถ้วนในใบคำขอเอาประกัน เช่น โรคประจำตัว ประวัติการรักษา หรืออาการผิดปกติ มีข้อดีคือ
- บริษัทประกันสามารถประเมินความเสี่ยงได้อย่างถูกต้อง
- หากได้รับการอนุมัติ กรมธรรม์จะมีความคุ้มครองที่ชัดเจน
- มีโอกาสได้รับความคุ้มครองแม้มีโรคประจำตัว (แต่อาจมีข้อยกเว้นไม่คุ้มครองโรคที่เป็นหรือเบี้ยประกันอาจสูงขึ้น)
- เคลมประกันได้อย่างบริสุทธิ์ใจ แม้ตรวจสอบก็พบความจริงตามที่แจ้งไปก่อนหน้าการทำประกัน
- มีโอกาสที่บริษัทประกันจะไม่รับประกันภัย แต่เราเองก็สามารถหาประกันเจ้าใหม่ที่พร้อมให้ความคุ้มครอง ไม่ต้องเสี่ยงต่อการถูกปฏิเสธการเคลมประกัน
2. กรณีไม่แถลงความจริงหรือปกปิดข้อมูล
คือการไม่เปิดเผยข้อมูลสุขภาพ หรือให้ข้อมูลไม่ตรงกับความเป็นจริง หรือตั้งใจบิดเบือนหรือปกปิดข้อมูล สิ่งที่ตามมาคือความเสี่ยงต่าง ๆ ดังนี้
- บริษัทประกันมีสิทธิ์ปฏิเสธการจ่ายสินไหม หากพบว่าโรคหรืออาการนั้นมีอยู่ก่อนทำประกัน
- อาจถูกยกเลิกกรมธรรม์ หรือไม่ต่ออายุ เมื่อครบกำหนด
- หากมีการเคลมบ่อยหรือเกินความจำเป็น อาจถูกตรวจสอบย้อนหลังและถูกปฏิเสธความคุ้มครอง
และนี่ก็เป็นเรื่องที่ทุกคนควรทราบก่อนการซื้อประกัน การทำประกันภัยทุกครั้งแนะนำให้อ่านเงื่อนไขและตรวจสอบกรมธรรม์ก่อนทำ และต้องอ่านและศึกษาอย่างเข้าใจจริง ๆ ถ้าตรงไหนที่สงสัยให้ถามกับทางบริษัทประกันรถยนต์โดยตรง รวมถึงหากตัดสินใจทำประกันแล้ว ควรเปิดเผยข้อมูลสุขภาพอย่างครบถ้วนและเป็นความจริง เมื่อถึงเวลาต้องเคลมประกันจะได้ไม่ต้องมากังวลหรือเสี่ยงกับการถูกปฏิเสธเคลม
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้ เกี่ยวกับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ด้านสุขภาพ รวมถึงเกร็ดความรู้เกี่ยวกับประกันภัยต่าง ๆ ได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือเพิ่มเพื่อนทาง LINE ได้เลย (Official LINE ID: @roojai)
คำจำกัดความ
ปกปิดข้อมูล | การไม่เปิดเผยข้อมูลที่เป็นจริง หรือให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน |
แถลง | แถลงเป็นศัพท์ในวงการประกัน หมายถึง การแจ้ง การบอกกล่าวข้อเท็จจริง เช่น อาการเจ็บป่วย โรคที่มีมาก่อนการทำประกัน หากถ้อยคำแถลงนั้นเป็นเรื่องไม่จริง บริษัทประกันสามารถบอกยกเลิกกรมธรรม์ได้ |