Roojai

แนะนำเทคนิคการขับรถหน้าร้อน..ให้ปลอดภัย

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าประเทศไทยนั้นหลักๆแล้วมีอยู่ 2 ฤดู คือ “ฤดูร้อน” กับ “ร้อนมาก” ชาวไทยอย่างเราๆนอกจากจะต้องดูแลสุขภาพร่างกายให้รับกับบรรยากาศที่ร้อนระอุให้ได้แล้ว การขับรถในช่วงหน้าร้อนถือเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษเช่นกัน เพราะรถที่คุณรักเค้าก็ร้อนเป็นไม่ต่างจากคุณเช่นกัน Roojai.com จึงอยากแนะนำเทคนิคการขับรถช่วงหน้าร้อน..อย่างไรให้ปลอดภัยมาฝากกัน

เตรียมรถให้พร้อมก่อนขับช่วงหน้าร้อน

สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกนั้น คือการดูแลรถยนต์ของคุณให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานและสามารถรับมือกับอากาศร้อนได้อย่างปลอดภัย โดยการตรวจเช็คสภาพรถทุกครั้งก่อนขับขี่ โดยเฉพาะพวกระบบหล่อเย็นต่างๆ เช่น ตรวจเช็คระดับน้ำหม้อน้ำว่าอยู่ในระดับปกติ ไม่มีรอยรั่วซึมตามท่อยางต่างๆ รวมถึง

ระบบแอร์ที่มักมีปัญหาบ่อยๆในหน้าร้อน ก่อนออกเดินทางควรตรวจสอบ ระดับของน้ำยาแอร์ ถ้าหากไม่มีการรั่วซึมแต่ใกล้ครบระยะการล้างหรือทำความสะอาดตู้แอร์ควรจะรีบดำเนินการ เพื่อป้องกันปัญหาแอร์ไม่เย็นระหว่างเดินทาง

ควรตรวจสอบสภาพยางว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน เพราะการขับรถช่วงหน้าร้อนผิวถนนจะมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติทําให้อากาศภายในยางขยายตัวมากขึ้นส่งผลให้ยางบวมหมดสภาพเร็วกว่าปกติและระเบิดได้ ดังนั้นควรเติมแรงดันลมยางให้มากกว่าปกติ 2-3 ปอนด์ เมื่อขับรถทางไกล จะช่วยป้องกันการบิดตัว ไม่ควรลดแรงดันลมยาง เพราะจะทำให้ยางอ่อน แก้มยางเกิดการบิดตัวได้มากและร้อนง่ายกว่าปกติ ส่งผลให้แรงดันภายในของยางรถสูงขึ้นจนเกิดระเบิดและเป็นอันตรายได้

นอกจากนี้ควรจะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกตามระยะที่กำหนดเพราะขณะที่เบรกจะทำให้เกิดความร้อนหากน้ำมันเบรกเก่าเกินไปจะส่งผลให้เกิดความชื้นและความร้อนรถอาจจะเบรกไม่อยู่และเป็นสาเหตุในการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้

คลายร้อนให้รถ ก่อนออกเดินทาง

ในกรณีที่คุณจำเป็นต้องจอดตากแดดเป็นเวลานาน ถ้าเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ๆบางรุ่นที่มีรีโมทสตาร์ทเครื่องยนต์ ก็แค่กดปุ่มสาตาร์ทเครื่องพร้อมเปิดแอร์ก่อนจะเดินมาขึ้นรถได้สบายๆ ส่วนรถที่ไม่มีฟังชันท์ไฮเทคนี้ให้คุณระบายความร้อนออกจากห้องโดยสารด้วยการเปิดประตูรถทิ้งไว้ประมาณ 1 – 2 นาที และเปิดกระจกรถทุกบานก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ หรือ ใช้วิธีลดกระจกด้านหน้าฝั่งที่นั่งผู้โดยสาร พร้อมเปิด/ปิดประตูรถด้านหน้าและด้านหลังติดต่อกัน 4 – 5 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยระบายความร้อนภายในห้องโดยสาร

ไม่ควรเปิดเครื่องปรับอากาศในทันที พยายามรักษาอุณหภูมิภายในรถและภายนอกรถให้ใกล้เคียงกัน แล้วค่อยๆ เร่งความเย็นขึ้นทีละระดับ ไม่ปรับอุณหภูมิให้เย็นถึงขีดสุด ไม่ปรับช่องลมเป่าใส่กระจกรถโดยตรง เพื่อป้องกันอุปกรณ์ภายในรถได้รับความเสียหาย จากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงกะทันหัน ทั้งนี้หากผู้ขับขี่เรียนรู้หลักการขับรถอย่างปลอดภัย พร้อมปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด จะช่วยให้การขับรถในช่วงฤดูร้อนเป็นไปด้วยความปลอดภัย

ข้อควรระวัง เมื่อขับรถกลางแดดจัด

เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ในการขับรถช่วงหน้าร้อน ที่ต้องเผชิญกับแสงแดดจัดอันเป็นอุปสรรคในการขับขี่ เมื่อต้องขับขี่ท่ามกลางแสงแดดแรงจัด สิ่งที่ทำได้คือ สวมแว่นตากันแดดที่ได้มาตรฐาน เพื่อลดและกรองความสว่างของแสงแดด ทำให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น หรือใช้ที่บังแดดปิดลงมาที่กระจกหน้ารถเพื่อบังแสงแดดไม่ให้แยงตา

ถ้าเป็นไปได้พยายามอย่าขับรถกลางแดดติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะแสงแดดที่ส่องตาตลอดเวลาที่ขับรถ จะทำให้สายตาอ่อนล้า และไม่สู้แสง ทำให้เกิดอาการง่วงนอนง่ายกว่าปกติ หากง่วงนอน ให้หาที่จอดพักรถ เช่น สถานีบริการน้ำมัน จุดพักรถริมข้างทาง เพื่อล้างหน้าหรือปรับเปลี่ยนอิริยาบถ จะช่วยคลายอาการง่วงนอนลงได้เพื่อความปลอดภัย

การเกิดภาพลวงตา (Mirage) การขับรถช่วงกลางวันท่ามกลางแสงแดดแรงจัด จะเกิดปรากฏการณ์ภาพลวงตาให้เราเห็นแอ่งน้ำบนพื้นถนน เนื่องจากพื้นถนนที่มีอุณหภูมิสูง ทำให้เกิดการหักเหของแสง จึงไม่ควรขับรถด้วยความเร็วสูง เพราะเมื่อคุณเห็นภาพถนนด้านหน้าเป็นแอ่งน้ำ และตกใจเบรกกระทันหันก็อาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ

เมื่อจำเป็นต้องเดินทางระยะทางยาวๆ ความเหนื่อยล้าย่อมเกิดขึ้นทั้งกับรถ และกับคน ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการขับรถติดต่อกันเป็นเวลานาน และควรหยุดพักรถทุกระยะ 200 – 300 กิโลเมตร หรือทุกๆ 2 ชั่วโมงจะดีที่สุด เพื่อให้เครื่องยนต์และยางคลายความร้อน รวมถึงผู้ขับขี่ได้ปรับเปลี่ยนอิริยาบถ เพื่อช่วยป้องกันการหลับในที่เป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ และเมื่อออกเดินทางต่อก็ควรหมั่นเช็ดทำความสะอาดกระจกรถยนต์ โดยเฉพาะกระจกหน้าและหลัง ป้องกันฝุ่นละอองเกาะกระจกทำให้มองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้

ขับๆ อยู่ “เครื่องร้อน” ต้องทำอย่างไร

ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัย..ขับๆไปรถคุณเกิดความร้อนขึ้น ถ้าเป็นรถยนต์บางรุ่นที่มีเกจ์ความร้อนบอกก็ดีไป เพราะสังเกตุความผิดปกติได้จากเกจ์วัดที่ขึ้นสูงเมื่อเครื่องร้อนผิดปกติ แต่สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ๆบางรุ่นที่ไม่มีเกจ์วัดนั้น จะต้องสังเกตุความผิดปกติหลายๆอย่างที่อาจเกิดขึ้น เช่น อุณหภูมิภายในรถร้อนผิดปกติ แอร์เริ่มไม่ค่อยเย็น เนื่องจากความร้อนของเครื่องยนต์ที่มากเกินไป หรือให้สังเกตุที่ไฟเตือนที่มาตรวัดว่ามีสัญลักษณ์เตือนอุณหภิมิติดขึ้นหรือไม่

ถ้ามีความผิดปกติเหล่านี้เกิดขึ้น ให้สันนิษฐานว่าเครื่องยนต์รถคุณร้อนจัด ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่หลักๆที่พบเจอกันบ่อยครั้งนั่นคือ “หม้อน้ำแห้ง” ตรงนี้ผู้ขับขี่ไม่ควรฝืนขับรถไปต่อ เพราะอาจเกิดอันตรายมากขึ้น ให้คุณรีบปิดแอร์เพื่อลดการทำงานของเครื่องยนต์และค่อยๆนำรถเข้าจอดข้างทางบริเวณที่ปลอดภัยทันที และรีบเปิดฝากระโปรงรถเพื่อระบายความร้อนออกจากห้องเครื่อง แต่ถ้าหากมีไอน้ำพุ่งขึ้นมาจากฝากระโปรงรถ อันไม่ควรรีบเปิดฝากระโปรงในตอนนั้นให้รอจนความร้อนของเครื่องยนต์ลดลง แล้วจึงค่อยเปิดฝากระโปรงรถขึ้นเพื่อระบายความร้อน ที่สำคัญห้ามเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยนต์ร้อนจัดเด็ดขาด เพราะไอน้ำร้อนที่มีแรงดันสูงในหม้อน้ำอาจพุ่งขึ้นมาและทำให้คุณบาดเจ็บได้

ข้อควรระวังคือห้ามราดน้ำที่เครื่องยนต์ เพื่อลดความร้อน เพราะอาจทำให้ชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์เกิดความเสียหาย ไม่ควรดับเครื่องและเติมน้ำในหม้อน้ำทันที ให้ติดเครื่องเดินเบาสักระยะ พร้อมเปิดฝากระโปรงหน้ารถ รอจนอุณหภูมิลดลง และเครื่องยนต์เริ่มเย็นตัว จึงเปิดฝาหม้อน้ำแล้วค่อย ๆ เติมน้ำสะอาดลงไปทีละน้อย เมื่อความร้อนลดลงอยู่ในระดับปกติแล้ว จึ่งค่อยๆขับไปที่อู่หรือศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คและซ่อมแซมอย่างถูกต้องอีกครั้ง ไม่ควรฝืนขับใช้งานต่อไป เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนจนถึงขั้นโอเวอร์ฮีท และเป็นอันตรายได้

เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับเทคนิคดีๆ ในการขับรถหน้าร้อนที่ Roojai.com นำมาฝากกัน รถก็เหมือนคนแหละครับ..ต้องการคนที่ดูแลเอาใจใส่ “ถ้าเรารักเค้า..เค้าก็รัก” และพร้อมจะอยู่กับเราไปอีกนาน ที่สำคัญถ้ารักรถเต็มหัวใจ ให้ Roojai.com ดูแลรถให้คุณ คลิกเช็คเบี้ยประกันรถ หรือโทร 02 582 8888