
เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม และควรทำความเข้าใจให้ดี คือ “ สัญลักษณ์ เส้นจราจรบนถนน ” ซึ่งเป็นภาษาสากลที่ใช้เตือน บอก หรือสั่งผู้ขับขี่ให้ใช้ถนนร่วมกันอย่างปลอดภัย บทความนี้จะพาไปเจาะลึกความหมายสัญลักษณ์ป้ายจราจรที่คุณอาจไม่รู้จักหรือเข้าใจผิด เพื่อลดอุบัติเหตุและเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ให้มากขึ้น
สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!
- ทำไมต้องรู้จักสัญลักษณ์ เส้นจราจรบนถนน?
- เครื่องหมายจราจรบนพื้นทาง ประเภทภาคบังคับมีอะไรบ้าง?
- สัญลักษณ์เส้นจราจร vs สัญลักษณ์ป้ายจราจร ต่างกันยังไง?
ทำไมต้องรู้จักสัญลักษณ์ เส้นจราจรบนถนน?
การขับขี่ให้ปลอดภัยหรือความปลอดภัยบนท้องถนน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเร็วหรือความชำนาญของผู้ขับขี่เท่านั้น แต่การทำความเข้าใจสัญลักษณ์ เส้นจราจรบนถนนก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเส้นเหล่านี้ถือเป็นภาษาสากลหรือภาษากลางของผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน ทั้งนี้สัญลักษณ์เส้นจราจรสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. เครื่องหมายจราจรบนพื้นทาง ประเภทภาคบังคับ
กำหนดให้ผู้ใช้ทางต้องงดเว้นการกระทำ หรือจำกัดการกระทำในบางประการหรือบางลักษณะ โดยแบ่งแยกย่อยออกเป็นเครื่องหมายจราจรตามแนวทางเดินรถ เครื่องหมายจราจรขวางแนวทางเดิน และเครื่องหมายอื่น ๆ
2. เครื่องหมายจราจรบนพื้นทาง ประเภทเตือน
ได้แก่ เครื่องหมายจราจรที่มีความหมายเพื่อ “เตือน” ผู้ใช้ทางให้ทราบล่วงหน้า ถึงสภาพทางหรือข้อมูลอย่างอื่นที่เกิดขึ้นในทางหรือทางหลวงข้างหน้าอันอาจก่อให้เกิดอันตรายขึ้นได้ เพื่อให้ผู้ใช้ทางใช้ความระมัดระวัง และป้องกันการเกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุดังกล่าว
เครื่องหมายจราจรบนพื้นทาง มีอะไรบ้าง?
เครื่องหมายเส้นจราจรบนพื้นทาง ที่มีความหมายเพื่อ “บังคับ” แยกออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่ เครื่องหมายจราจรตามแนวเดินรถ เครื่องหมายจราจรขวางแนวเดินรถ และเครื่องหมายอื่น ๆ ซึ่งมีรายละเอียดที่ควรใส่ใจดังนี้
1. เส้นจราจรปกติ
ลักษณะเส้น: เส้นเหลืองบนถนน (เส้นประสีเหลือง) เป็นเส้นแบ่งแยกการจราจรของรถที่มีทิศทางตรงกันข้าม
ความหมาย: ผู้ขับขี่ต้องขับรถทางด้านซ้ายของเส้น
2. เส้นห้ามแซง
ลักษณะเส้น: เส้นเหลืองบนถนน (เส้นทึบสีเหลืองเดี่ยว)
ความหมาย: ผู้ขับขี่ต้องขับรถไปทางด้านซ้ายของเส้น ห้ามขับรถแซงหรือคร่อมเส้นเด็ดขาด
3. เส้นห้ามแซงเฉพาะด้าน
ลักษณะเส้น: เส้นทึบสีเหลืองคู่กับเส้นประสีเหลือง
ความหมาย: รถที่อยู่ทางด้านเส้นทึบห้ามผ่านหรือคร่อมเส้นทึบเด็ดขาด ส่วนรถที่อยู่ด้านเส้นประเมื่อเห็นว่าปลอดภัยอาจแซงหรือข้ามเส้นด้วยความระมัดระวัง
4. เส้นแบ่งช่องเดินรถหรือเส้นแบ่งช่องจราจร
ลักษณะเส้น: เส้นประสีขาว ใช้แบ่งทางเดินรถหรือทางจราจรที่มีทิศทางเดียวกัน
ความหมาย: ผู้ขับขี่ต้องขับรถภายในช่องเดินรถหรือช่องจราจร ห้ามขับคร่อมเส้น เว้นแต่จะเปลี่ยนช่องเดินรถหรือช่องจราจร
5. เส้นห้ามเปลี่ยนช่องเดินรถ
ลักษณะเส้น: เส้นทึบสีขาว ใช้แบ่งทางเดินรถในทิศทางเดียวกัน
ความหมาย: ผู้ขับขี่ต้องขับรถภายในช่องเดินรถ ห้ามขับผ่านหรือคร่อมเส้น
6. เส้นแบ่งช่องเดินรถประจำทาง
ลักษณะเส้น: เส้นประสีเหลือง กว้างและถี่ (กรณีสวนทางจราจรปกติ) และเส้นประสีขาว กว้างและถี่ (กรณีทิศทางเดียวกับทางจราจรปกติ) มีลูกศรสีเหลืองและอาจมีคำว่ารถประจำทางหรือ BUS สีเหลืองประกอบด้วย
ความหมาย: เป็นช่องเดินรถประจำทาง ห้ามขับรถประเภทอื่นเข้าไปในช่องนี้
7. เครื่องหมายห้ามจอด
ลักษณะเส้น: เส้นเหลืองสลับขาวบนขอบคัน หิน หรือขอบทางด้านซ้ายของทางเดินรถ
ความหมาย: ห้ามจอดรถทุกชนิดระหว่างแนวเขตที่กำหนด เว้นแต่หยุดรับส่งคนหรือสิ่งของชั่วขณะ
8. เครื่องหมายห้ามหยุดรถ
ลักษณะเส้น: แถบสีแดงสลับขาว แสดงที่ขอบคัน หิน หรือขอบทางด้านซ้ายของทางเดินรถ
ความหมาย: ห้ามหยุดรถหรือจอดรถทุกชนิดระหว่างแนวเขตที่กำหนด
9. เส้นแนวหยุด
ลักษณะเส้น: เส้นทึบสีขาวกว้าง และขวางแนวทางเดินรถ
ความหมาย: รถจะต้องหยุดหลังเส้น หากได้รับสัญญาณจราจรให้ไปได้ก็สามารถขับผ่านเส้นได้
10. เส้นให้ทาง
ลักษณะเส้น: เส้นประสีขาว ขวางแนวทางเดิน
ความหมาย: ผู้ขับขี่จะต้องขับรถให้ช้าลง หากเห็นว่าไม่ปลอดภัยต่อรถคันอื่นหรือคนเดินเท้าในทางขวางหน้า หรือเป็นการกีดขวางการจราจร ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถก่อนถึงแนวเส้น
11. เส้นทางม้าลาย
ลักษณะเส้น: แถบสีขาวกว้างและยาวหลายแถบ และขวางทางเดินรถ
ความหมาย: ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ช้าลงและพร้อมที่จะหยุดรถได้ทันท่วงทีเมื่อมีคนข้ามทางม้าลายที่ไม่มีเจ้าหน้าที่หรือสัญญาณจราจร ให้คนมีสิทธิข้ามทางไปก่อน เมื่อคนเดินข้ามทางได้ข้ามไปแล้วจึงเคลื่อนรถต่อไปได้
12. เส้นทแยงห้ามหยุดรถ
ลักษณะเส้น: เส้นทึบสีเหลืองลากทแยงตัดกันภายในกรอบเส้นทึบสีเหลือง
ความหมาย: ห้ามหยุดรถทุกชนิดภายในกรอบเส้นทแยงห้ามหยุดรถ ยกเว้นรถที่หยุดรอเพื่อเลี้ยวขวา
13. ลูกศร
ลักษณะเส้น: ลูกศรสีขาวหรือสีเหลือง
ความหมาย: ผู้ขับขี่ที่อยู่ในช่องเดินรถหรือช่องจราจรนั้น ต้องปฏิบัติตามเครื่องหมาย (ลูกศร) เช่น ตรงไป เลี้ยวขวา เลี้ยงกลับ หรือร่วมกัน
14. ให้ทาง
ลักษณะเส้น: รูปสามเหลี่ยมมุมแหลมสีขาว โดยมุมแหลมชี้สวนทิศทางการจราจร
ความหมาย: ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ช้าลงเมื่อเห็นว่าไม่ปลอดภัยต่อรถคันอื่น หรือคนเดินเท้าในทางขวางหน้า หรือเป็นการกีดขวางการจราจร ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถก่อนถึงเส้นให้ทาง
15. เขตปลอดภัยหรือเกาะสี
ลักษณะเส้น: แถบหรือเส้นทึบสีขาวหรือสีเหลือง ตีทแยงกับแนวทิศทางการจราจร หรือเป็นลักษณะก้างปลา ล้อมรอบด้วยเส้นทึบสีขาวหรือสีเหลือง
ความหมาย: ห้ามขับรถล้ำเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว
16. ช่องเดินรถมวลชน
ลักษณะเส้น: รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนสีขาว มุมแหลมอยู่ในทิศทางการจราจรภายในสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนอาจมีตัวเลขแสดงจำนวนขั้นต่ำของคนบนรถมวลชน
ความหมาย: เป็นช่องเดินรถหรือช่องจราจรสำหรับรถตามชนิดหรือประเภทที่กำหนด หรือรถที่มีจำนวนคนบนรถไม่น้อยกว่าที่กำหนด
17. เส้นแบ่งช่องจอดรถ
ลักษณะเส้น: เส้นทึบสีขาว
ความหมาย: ผู้ขับขี่ต้องจอดรถภายในกรอบเส้นช่องจอดรถ ห้ามจอดคร่อมเส้น หรือทำให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของรถล้ำออกไปนอกแนวที่กำหนด
18. ข้อความบังคับบนพื้นทาง
ลักษณะเส้น: ข้อความสีขาวบนพื้นทาง เช่น หยุด ลดความเร็ว ขับช้า ๆ เป็นต้น
ความหมาย: ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามข้อความนั้น ๆ
นอกจากจะรู้ความหมายและปฏิบัติตามเส้นสัญลักษณ์ต่าง ๆ บนท้องถนนแล้วการมีประกันรถยนต์ช่วยซัพพอร์ตในวันที่คุณเกิดเหตุไม่คาดฝันก็สำคัญ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด และแม้การทำตามกฎจราจรจะช่วยลดความเสี่ยงลงได้ แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นอยู่ดี หรืออาจเกิดเหตุการณ์อื่น ๆ เช่น น้ำท่วม ภัยธรรมชาติ ไฟไหม้ รถหาย ดังนั้น มีประกันรถติดไว้อุ่นใจกว่า
สัญลักษณ์เส้นจราจร vs สัญลักษณ์ป้ายจราจร ต่างกันยังไง?
แตกต่างทั้งในเรื่องความหมายและหน้าที่ โดยสัญลักษณ์เส้นจราจรบนถนน คือ เครื่องหมายหรือเส้นที่ทาหรือพ่นบนพื้นผิวถนน มีหน้าที่ในการแสดงเขตทาง แบ่งช่องทาง กำหนดทิศทาง ห้ามแซง ห้ามหยุด ฯลฯ ส่วนสัญลักษณ์ป้ายจราจร คือ ป้าย รูปสัญลักษณ์ หรือข้อความที่ติดตั้งข้างทางหรือเหนือถนน มีหน้าที่ในการแจ้งเตือน บังคับ หรือแนะนำผู้ขับขี่ให้ปฏิบัติตามสภาพทางจราจร
Tips: สีสัญลักษณ์ป้ายจราจรที่ควรรู้
นอกจากเส้นขอบถนน, เส้นทึบ, เส้นเหลืองบนถนน หรือเส้นจราจรต่าง ๆ แล้ว สัญลักษณ์ป้ายจราจรก็มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้
- ป้ายสีเหลือง เป็นป้ายเตือน บอกถึงสภาพถนนหรือสิ่งที่ต้องระวัง เช่น ทางลาดชัน ทางโค้ง
- ป้ายสีฟ้าหรือสีแดง เป็นป้ายบังคับ ใช้สั่งให้ทำตาม เช่น ห้ามจอด ห้ามเลี้ยว
- ป้ายสีเขียว เป็นป้ายแนะนำและให้ข้อมูล เช่น จุดกลับรถ เส้นทางเข้าเมือง
ซึ่งถ้าหากผู้ขับขี่ฝ่าฝืนจะมีความผิดตามกฎหมาย เพราะสัญลักษณ์ป้ายจราจร และสัญลักษณ์ เส้นจราจรบนถนนอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 โดยตัวอย่างการฝ่าฝืนและโทษมีดังนี้
- ขับรถข้ามเส้นทึบ ผิดฐานฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรบนพื้นทาง ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
- ไม่ปฏิบัติตามป้ายหยุด ผิดฐานฝ่าฝืนป้ายจราจรบังคับ ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
- จอดรถในจุดที่มีเส้นห้ามจอด ผิดฐานขัดต่อกฎจราจร ปรับและอาจลากรถ
การทำความเข้าใจแบบลงลึกในประเด็นสัญลักษณ์ เส้นจราจรบนถนน และสัญลักษณ์ป้ายจราจร ไม่ใช่เพียงเพื่อเตรียมตัวสอบใบขับขี่เท่านั้น แต่ยังเป็น “พื้นฐาน” ของการขับรถอย่างมีจิตสำนึก เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนน และช่วยให้ระบบจราจรทำงานได้อย่างราบรื่น แนะนำว่าควรปฏิบัติตามป้ายและเส้นจราจรต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นตามมา
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้ เกี่ยวกับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ด้านสุขภาพ รวมถึงเกร็ดความรู้เกี่ยวกับประกันภัยต่าง ๆ ได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือเพิ่มเพื่อนทาง LINE ได้เลย (Official LINE ID: @roojai)
คำจำกัดความ
แนวเดินรถ | เส้นหรือขอบเขตที่กำหนดไว้บนถนน เพื่อให้รถยนต์ขับขี่ไปในทิศทางเดียวกันหรือแบ่งช่องทางเดินรถ |
ทางเดินรถ | พื้นที่ที่ถูกจัดสรรไว้สำหรับการขับขี่หรือสัญจรของรถยนต์ ซึ่งอาจอยู่บนพื้นดิน ใต้ดิน หรือเหนือพื้นดิน |
เส้นขอบถนน | เส้นหรือแถบสีที่ทาบนขอบทางเท้าหรือขอบถนน ซึ่งเป็นเครื่องหมายจราจรที่กำหนดข้อห้ามและข้อปฏิบัติในการจอดรถ |