Roojai

18 สัญลักษณ์เส้นจราจรบนถนน ที่คุณอาจไม่รู้จัก!

Article Roojai Verified
เจาะลึกความหมายสัญลักษณ์ป้ายจราจรที่คุณอาจไม่รู้จักหรือเข้าใจผิด

เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม และควรทำความเข้าใจให้ดี คือ “ สัญลักษณ์ เส้นจราจรบนถนน ” ซึ่งเป็นภาษาสากลที่ใช้เตือน บอก หรือสั่งผู้ขับขี่ให้ใช้ถนนร่วมกันอย่างปลอดภัย บทความนี้จะพาไปเจาะลึกความหมายสัญลักษณ์ป้ายจราจรที่คุณอาจไม่รู้จักหรือเข้าใจผิด เพื่อลดอุบัติเหตุและเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ให้มากขึ้น

สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!

ทำไมต้องรู้จักสัญลักษณ์ เส้นจราจรบนถนน?

การขับขี่ให้ปลอดภัยหรือความปลอดภัยบนท้องถนน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเร็วหรือความชำนาญของผู้ขับขี่เท่านั้น แต่การทำความเข้าใจสัญลักษณ์ เส้นจราจรบนถนนก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเส้นเหล่านี้ถือเป็นภาษาสากลหรือภาษากลางของผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน ทั้งนี้สัญลักษณ์เส้นจราจรสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

1. เครื่องหมายจราจรบนพื้นทาง ประเภทภาคบังคับ

กำหนดให้ผู้ใช้ทางต้องงดเว้นการกระทำ หรือจำกัดการกระทำในบางประการหรือบางลักษณะ โดยแบ่งแยกย่อยออกเป็นเครื่องหมายจราจรตามแนวทางเดินรถ เครื่องหมายจราจรขวางแนวทางเดิน และเครื่องหมายอื่น ๆ

2. เครื่องหมายจราจรบนพื้นทาง ประเภทเตือน

ได้แก่ เครื่องหมายจราจรที่มีความหมายเพื่อ “เตือน” ผู้ใช้ทางให้ทราบล่วงหน้า ถึงสภาพทางหรือข้อมูลอย่างอื่นที่เกิดขึ้นในทางหรือทางหลวงข้างหน้าอันอาจก่อให้เกิดอันตรายขึ้นได้ เพื่อให้ผู้ใช้ทางใช้ความระมัดระวัง และป้องกันการเกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุดังกล่าว

เครื่องหมายจราจรบนพื้นทาง มีอะไรบ้าง?

เครื่องหมายเส้นจราจรบนพื้นทาง ที่มีความหมายเพื่อ “บังคับ” แยกออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่ เครื่องหมายจราจรตามแนวเดินรถ เครื่องหมายจราจรขวางแนวเดินรถ และเครื่องหมายอื่น ๆ ซึ่งมีรายละเอียดที่ควรใส่ใจดังนี้

ลักษณะเส้นห้ามแซง และสัญลักษณ์เส้นจราจรต่าง ๆ บนท้องถนน

1. เส้นจราจรปกติ

ลักษณะเส้น: เส้นเหลืองบนถนน (เส้นประสีเหลือง) เป็นเส้นแบ่งแยกการจราจรของรถที่มีทิศทางตรงกันข้าม
ความหมาย: ผู้ขับขี่ต้องขับรถทางด้านซ้ายของเส้น

2. เส้นห้ามแซง

ลักษณะเส้น: เส้นเหลืองบนถนน (เส้นทึบสีเหลืองเดี่ยว)
ความหมาย: ผู้ขับขี่ต้องขับรถไปทางด้านซ้ายของเส้น ห้ามขับรถแซงหรือคร่อมเส้นเด็ดขาด

3. เส้นห้ามแซงเฉพาะด้าน

ลักษณะเส้น: เส้นทึบสีเหลืองคู่กับเส้นประสีเหลือง
ความหมาย: รถที่อยู่ทางด้านเส้นทึบห้ามผ่านหรือคร่อมเส้นทึบเด็ดขาด ส่วนรถที่อยู่ด้านเส้นประเมื่อเห็นว่าปลอดภัยอาจแซงหรือข้ามเส้นด้วยความระมัดระวัง

4. เส้นแบ่งช่องเดินรถหรือเส้นแบ่งช่องจราจร

ลักษณะเส้น: เส้นประสีขาว ใช้แบ่งทางเดินรถหรือทางจราจรที่มีทิศทางเดียวกัน
ความหมาย: ผู้ขับขี่ต้องขับรถภายในช่องเดินรถหรือช่องจราจร ห้ามขับคร่อมเส้น เว้นแต่จะเปลี่ยนช่องเดินรถหรือช่องจราจร

5. เส้นห้ามเปลี่ยนช่องเดินรถ

ลักษณะเส้น: เส้นทึบสีขาว ใช้แบ่งทางเดินรถในทิศทางเดียวกัน
ความหมาย: ผู้ขับขี่ต้องขับรถภายในช่องเดินรถ ห้ามขับผ่านหรือคร่อมเส้น

6. เส้นแบ่งช่องเดินรถประจำทาง

ลักษณะเส้น: เส้นประสีเหลือง กว้างและถี่ (กรณีสวนทางจราจรปกติ) และเส้นประสีขาว กว้างและถี่ (กรณีทิศทางเดียวกับทางจราจรปกติ) มีลูกศรสีเหลืองและอาจมีคำว่ารถประจำทางหรือ BUS สีเหลืองประกอบด้วย
ความหมาย: เป็นช่องเดินรถประจำทาง ห้ามขับรถประเภทอื่นเข้าไปในช่องนี้

7. เครื่องหมายห้ามจอด

ลักษณะเส้น: เส้นเหลืองสลับขาวบนขอบคัน หิน หรือขอบทางด้านซ้ายของทางเดินรถ
ความหมาย: ห้ามจอดรถทุกชนิดระหว่างแนวเขตที่กำหนด เว้นแต่หยุดรับส่งคนหรือสิ่งของชั่วขณะ

ลักษณะสัญลักษณ์เส้นจราจรห้ามหยุดรถ

8. เครื่องหมายห้ามหยุดรถ

ลักษณะเส้น: แถบสีแดงสลับขาว แสดงที่ขอบคัน หิน หรือขอบทางด้านซ้ายของทางเดินรถ
ความหมาย: ห้ามหยุดรถหรือจอดรถทุกชนิดระหว่างแนวเขตที่กำหนด

9. เส้นแนวหยุด

ลักษณะเส้น: เส้นทึบสีขาวกว้าง และขวางแนวทางเดินรถ
ความหมาย: รถจะต้องหยุดหลังเส้น หากได้รับสัญญาณจราจรให้ไปได้ก็สามารถขับผ่านเส้นได้

10. เส้นให้ทาง

ลักษณะเส้น: เส้นประสีขาว ขวางแนวทางเดิน
ความหมาย: ผู้ขับขี่จะต้องขับรถให้ช้าลง หากเห็นว่าไม่ปลอดภัยต่อรถคันอื่นหรือคนเดินเท้าในทางขวางหน้า หรือเป็นการกีดขวางการจราจร ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถก่อนถึงแนวเส้น

11. เส้นทางม้าลาย

ลักษณะเส้น: แถบสีขาวกว้างและยาวหลายแถบ และขวางทางเดินรถ
ความหมาย: ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ช้าลงและพร้อมที่จะหยุดรถได้ทันท่วงทีเมื่อมีคนข้ามทางม้าลายที่ไม่มีเจ้าหน้าที่หรือสัญญาณจราจร ให้คนมีสิทธิข้ามทางไปก่อน เมื่อคนเดินข้ามทางได้ข้ามไปแล้วจึงเคลื่อนรถต่อไปได้

12. เส้นทแยงห้ามหยุดรถ

ลักษณะเส้น: เส้นทึบสีเหลืองลากทแยงตัดกันภายในกรอบเส้นทึบสีเหลือง
ความหมาย: ห้ามหยุดรถทุกชนิดภายในกรอบเส้นทแยงห้ามหยุดรถ ยกเว้นรถที่หยุดรอเพื่อเลี้ยวขวา

13. ลูกศร

ลักษณะเส้น: ลูกศรสีขาวหรือสีเหลือง
ความหมาย: ผู้ขับขี่ที่อยู่ในช่องเดินรถหรือช่องจราจรนั้น ต้องปฏิบัติตามเครื่องหมาย (ลูกศร) เช่น ตรงไป เลี้ยวขวา เลี้ยงกลับ หรือร่วมกัน

สัญลักษณ์เส้นจราจรบนท้องถนนที่ควรรู้

14. ให้ทาง

ลักษณะเส้น: รูปสามเหลี่ยมมุมแหลมสีขาว โดยมุมแหลมชี้สวนทิศทางการจราจร
ความหมาย: ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ช้าลงเมื่อเห็นว่าไม่ปลอดภัยต่อรถคันอื่น หรือคนเดินเท้าในทางขวางหน้า หรือเป็นการกีดขวางการจราจร ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถก่อนถึงเส้นให้ทาง

15. เขตปลอดภัยหรือเกาะสี

ลักษณะเส้น: แถบหรือเส้นทึบสีขาวหรือสีเหลือง ตีทแยงกับแนวทิศทางการจราจร หรือเป็นลักษณะก้างปลา ล้อมรอบด้วยเส้นทึบสีขาวหรือสีเหลือง
ความหมาย: ห้ามขับรถล้ำเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว

16. ช่องเดินรถมวลชน

ลักษณะเส้น: รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนสีขาว มุมแหลมอยู่ในทิศทางการจราจรภายในสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนอาจมีตัวเลขแสดงจำนวนขั้นต่ำของคนบนรถมวลชน
ความหมาย: เป็นช่องเดินรถหรือช่องจราจรสำหรับรถตามชนิดหรือประเภทที่กำหนด หรือรถที่มีจำนวนคนบนรถไม่น้อยกว่าที่กำหนด

17. เส้นแบ่งช่องจอดรถ

ลักษณะเส้น: เส้นทึบสีขาว
ความหมาย: ผู้ขับขี่ต้องจอดรถภายในกรอบเส้นช่องจอดรถ ห้ามจอดคร่อมเส้น หรือทำให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของรถล้ำออกไปนอกแนวที่กำหนด

18. ข้อความบังคับบนพื้นทาง

ลักษณะเส้น: ข้อความสีขาวบนพื้นทาง เช่น หยุด ลดความเร็ว ขับช้า ๆ เป็นต้น
ความหมาย: ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามข้อความนั้น ๆ

นอกจากจะรู้ความหมายและปฏิบัติตามเส้นสัญลักษณ์ต่าง ๆ บนท้องถนนแล้วการมีประกันรถยนต์ช่วยซัพพอร์ตในวันที่คุณเกิดเหตุไม่คาดฝันก็สำคัญ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด และแม้การทำตามกฎจราจรจะช่วยลดความเสี่ยงลงได้ แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นอยู่ดี หรืออาจเกิดเหตุการณ์อื่น ๆ เช่น น้ำท่วม ภัยธรรมชาติ ไฟไหม้ รถหาย ดังนั้น มีประกันรถติดไว้อุ่นใจกว่า

บอกความหมายสัญลักษณ์เส้นจราจรบนถนน

สัญลักษณ์เส้นจราจร vs สัญลักษณ์ป้ายจราจร ต่างกันยังไง?

แตกต่างทั้งในเรื่องความหมายและหน้าที่ โดยสัญลักษณ์เส้นจราจรบนถนน คือ เครื่องหมายหรือเส้นที่ทาหรือพ่นบนพื้นผิวถนน มีหน้าที่ในการแสดงเขตทาง แบ่งช่องทาง กำหนดทิศทาง ห้ามแซง ห้ามหยุด ฯลฯ ส่วนสัญลักษณ์ป้ายจราจร คือ ป้าย รูปสัญลักษณ์ หรือข้อความที่ติดตั้งข้างทางหรือเหนือถนน มีหน้าที่ในการแจ้งเตือน บังคับ หรือแนะนำผู้ขับขี่ให้ปฏิบัติตามสภาพทางจราจร

Tips: สีสัญลักษณ์ป้ายจราจรที่ควรรู้

นอกจากเส้นขอบถนน, เส้นทึบ, เส้นเหลืองบนถนน หรือเส้นจราจรต่าง ๆ แล้ว สัญลักษณ์ป้ายจราจรก็มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้

  • ป้ายสีเหลือง เป็นป้ายเตือน บอกถึงสภาพถนนหรือสิ่งที่ต้องระวัง เช่น ทางลาดชัน ทางโค้ง
  • ป้ายสีฟ้าหรือสีแดง เป็นป้ายบังคับ ใช้สั่งให้ทำตาม เช่น ห้ามจอด ห้ามเลี้ยว
  • ป้ายสีเขียว เป็นป้ายแนะนำและให้ข้อมูล เช่น จุดกลับรถ เส้นทางเข้าเมือง

ซึ่งถ้าหากผู้ขับขี่ฝ่าฝืนจะมีความผิดตามกฎหมาย เพราะสัญลักษณ์ป้ายจราจร และสัญลักษณ์ เส้นจราจรบนถนนอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 โดยตัวอย่างการฝ่าฝืนและโทษมีดังนี้

  • ขับรถข้ามเส้นทึบ ผิดฐานฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรบนพื้นทาง ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
  • ไม่ปฏิบัติตามป้ายหยุด ผิดฐานฝ่าฝืนป้ายจราจรบังคับ ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
  • จอดรถในจุดที่มีเส้นห้ามจอด ผิดฐานขัดต่อกฎจราจร ปรับและอาจลากรถ

การทำความเข้าใจแบบลงลึกในประเด็นสัญลักษณ์ เส้นจราจรบนถนน และสัญลักษณ์ป้ายจราจร ไม่ใช่เพียงเพื่อเตรียมตัวสอบใบขับขี่เท่านั้น แต่ยังเป็น “พื้นฐาน” ของการขับรถอย่างมีจิตสำนึก เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนน และช่วยให้ระบบจราจรทำงานได้อย่างราบรื่น แนะนำว่าควรปฏิบัติตามป้ายและเส้นจราจรต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นตามมา

​​สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้ เกี่ยวกับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ด้านสุขภาพ รวมถึงเกร็ดความรู้เกี่ยวกับ​ประกันภัย​ต่าง ๆ ได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือ​เพิ่มเพื่อนทาง LINE​ ได้เลย (Official LINE ID: @roojai)

คำจำกัดความ

แนวเดินรถ เส้นหรือขอบเขตที่กำหนดไว้บนถนน เพื่อให้รถยนต์ขับขี่ไปในทิศทางเดียวกันหรือแบ่งช่องทางเดินรถ
ทางเดินรถ พื้นที่ที่ถูกจัดสรรไว้สำหรับการขับขี่หรือสัญจรของรถยนต์ ซึ่งอาจอยู่บนพื้นดิน ใต้ดิน หรือเหนือพื้นดิน
เส้นขอบถนน เส้นหรือแถบสีที่ทาบนขอบทางเท้าหรือขอบถนน ซึ่งเป็นเครื่องหมายจราจรที่กำหนดข้อห้ามและข้อปฏิบัติในการจอดรถ
previous article
< บทความก่อนหน้า

หยุดรถ-จอดรถทับทางม้าลาย ระวังโทษปรับ!