Roojai

4 พฤติกรรมการใช้รถ ช่วยถนอมและยืดอายุผ้าเบรครถยนต์

Article Roojai Verified
วิธีการใช้รถช่วยถนอมผ้าเบรค | รู้ใจ ประกันรถยนต์

ใช้งานรถ เรื่องของระบบห้ามล้อที่เรียกว่าเบรคสำคัญที่สุด และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ผ้าเบรคเป็นหนึ่งในชิ้นส่วนรถยนต์ที่หลาย ๆ คนใช้รถมักมองข้าม เผลอใช้รถไม่ทะนุถนอม หรือไม่เปลี่ยนตามระยะที่กำหนด จนทำให้ผ้าเบรครถยนต์ได้รับความเสียหาย และตามมาด้วยความเสี่ยงมากมายนับไม่ถ้วน แล้วต้องเปลี่ยนผ้าเบรคตอนไหน ควรใช้รถยังไงเพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น บทความนี้มีคำตอบ

สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!

ผ้าเบรครถยนต์คืออะไร?

ผ้าเบรครถยนต์ คือ ชิ้นส่วนหนึ่งของรถยนต์ ช่วยเพิ่มแรงเสียดทานโดยการกดเข้ากับดิสก์หรือดรัมเบรค เพื่อสร้างแรงต้านการหมุนที่เกิดขึ้นจากการเร่งเครื่องยนต์ไปยังชุดล้อ ส่วนมากระบบเบรครถยนต์จะติดตั้งไว้คู่กับดุมล้อเสมอ ทั้งนี้ ผ้าเบรคจะอยู่ระหว่างคันขาเบรคกับดรัมเบรค หากผ้าเบรครถยนต์ชำรุด ได้รับความเสียหาย เสื่อมสภาพ หรือใด ๆ ที่ทำให้ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ จะส่งผลต่ออะไหล่ส่วนอื่น ๆ ตามมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นจานเบรค เบรคคาลิปเปอร์ ที่จะมีอายุการใช้งานสั้นลง

ประเภทของผ้าเบรครถยนต์

ผ้าเบรครถยนต์จะอยู่แบ่งตาม “วัสดุ” ที่ใช้ในการผลิต ปัจจุบันแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้

  1. ASBESTOS – เป็นผ้าเบรครถยนต์ที่ทำจากแร่ใยหิน มีราคาค่อนข้างถูก สร้างแรงเสียดทานได้ดี แต่เมื่อเบรครถยนต์จะเกิดเขม่าสีขาว ๆ อันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ
  2. NAO – ทำจากใยสังเคราะห์ เช่น เส้นในเซรามิก, เส้นใยเคฟลาร์ ให้แรงเสียดทานค่อนข้างสูง มีน้ำหนักเบา ควบคุมไม่ให้เกิดฝุ่นหรือเสียงได้ง่าย แต่ทนอุณหภูมิการใช้งานที่สูงมาก ๆ ได้ไม่ดี
  3. Semi-Metallic – เป็นผ้าเบรครถยนต์ที่ทำจากใยเหล็ก ทนต่อการใช้งานที่อุณหภูมิสูงได้ดี ปลอดภัยต่อระบบทางเดินหายใจ แต่มีข้อจำกัดในด้านการควบคุมไม่ให้เกิดเสียงและฝุ่น
  4. Metallic – ทำจากผงเหล็กละเอียด ทนต่ออุณหภูมิการใช้งานได้สูงมาก เนื้อผ้าเบรคจะหมดช้า
  5. Advance Material – ผลิตจากเทคโนโลยีชั้นสูง มีคุณลักษณะพิเศษต่าง ๆ ส่งผสมของเนื้อผ้าเบรคนิ่ม สร้างความฝืดได้ง่าย สามารถลดความเร็วได้ทันที ระยะเบรคสั้นลง ฝุ่นน้อย และไม่มีเสียง
เปรียบเทียบผ้าเบรครถยนต์ใหม่ และใช้งานแล้ว | รู้ใจ ประกันรถยนต์

วิธีเลือกผ้าเบรครถยนต์

การเลือกผ้าเบรคที่เหมาะมีความจำเป็น เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดแล้ว ยังสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รถยนต์แต่ละประเภทมีวิธีการเลือกผ้าเบรครถยนต์ต่างกัน ดังนี้

1. รถยนต์ทั่วไป

ไม่ว่าจะเป็นขับไปทำงาน ใช้งานปกติ หรือใด ๆ ก็ตาม แนะนำให้ใช้ผ้าเบรครุ่นมาตรฐานทั่วไป เช่น Semi-Metallic หรือ ผ้าเบรค ASBESTOS หรืออาจใช้ผ้าเบรครถยนต์รุ่นเดียวกับที่มากับรถตั้งแต่ออกมาจากโรงงาน ทางโรงงานประกอบรถจะเลือกผ้าเบรคที่เหมาะกับสมรรถภาพของรถยนต์อยู่แล้ว

2. รถแต่งซิ่ง ทำความเร็ว หรือรถสปอร์ต

แนะนำให้ใช้ผ้าเบรครถยนต์แบบริสซิ่ง หรือผ้าเบรคแบบสปอร์ต อย่าง Advance Material เพื่อประสิทธิภาพในการหยุดรถที่ดีกว่าเดิม ที่สำคัญสามารถลดความร้อนสะสมขณะเบรคได้เป็นอย่างดี มีความทนทาน เหมาะกับการใช้รถด้วยความเร็วสูง และต้องใช้แรงเบรคเยอะ

3. รถตู้ รถกระบะ รถ SUV ขนาดใหญ่

แนะนำให้ใช้ผ้าเบรครถยนต์แบบ Semi-metallic เนื่องจากมีความทนทานสูง เหมาะกับการเบรคบ่อย ๆ แถมยังสามารถลดความร้อนสะสมจากการใช้งานยาวนานได้

การใช้รถแบบไหน ช่วยถนอมผ้าเบรคได้ดี?

ต้องบอกก่อนว่าพฤติกรรมการใช้รถ รวมถึงพฤติกรรมการขับขี่ ก็มีส่วนทำให้ผ้าเบรคสึกหรอ เสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรได้เช่นกัน แล้วจะต้องใช้รถแบบไหนถึงถนอมผ้าเบรค เบรครถยนต์ จานเบรค ไปจนถึงระบบเบรคทั้งหมดได้ดีที่สุด

1. ใช้เกียร์ช่วยชะลอความเร็ว

ในขณะที่กำลังขับลงเนินสูง การเปลี่ยนเกียร์สามารถช่วยชะลอความเร็วของรถได้เช่นกัน ดังนั้นหากไม่จำเป็นอย่าเหยียบแป้นเบรคจนสุดค้าง แต่ให้เปลี่ยนมา ‘ใช้เกียร์ต่ำ’ แล้วค่อย ๆ เหยียบเบรคเสริม เนื่องจากการเหยียบแป้นเบรคสามารถทำลายผ้าเบรค และทำให้อายุการใช้งานสั้นลงได้

2. ขับให้ช้าลง ใช้ความเร็วคงที่

ยิ่งขับรถด้วยความเร็วมากเท่าไหร่ สิ่งที่ตามมาคือการเหยียบเบรคเพิ่มขึ้นตามความเร็วไปด้วย และการเบรคอย่างรวดเร็วทำให้เกิดแรงเสียดทานค่อนข้างมาก แน่นอนว่าจะเป็นการเพิ่มการสึกหรอของผ้าเบรคด้วยนั่นเอง

3. ลดน้ำหนัก นำสัมภาระที่ไม่จำเป็นออกจากรถ

ก่อนออกเดินทางทุก ๆ ครั้ง หากเลี่ยงได้ควรนำสัมภาระที่ไม่จำเป็นออกจากรถ เพื่อลดน้ำหนักส่วนเกิน เนื่องจากการขับขี่รถที่มีน้ำหนักเยอะ ทำให้ผ้าเบรคต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อชะลอและหยุดรถ

4. สังเกตรถคันด้านหน้าอยู่เสมอ

เมื่อเห็นว่าจะต้องเบรคหรือชะลอรถในไม่ช้า ไม่ว่าจะจากสัญญาณไฟแดง หรือการจราจรที่หนาแน่นด้านหน้า ให้ยกเท้าออกจากคันเร่งเพื่อลดความเร็วลง ซึ่งพฤติกรรมการขับขี่แบบนี้จะแบ่งเบาภาระเบรครถยนต์ได้ แถมยังช่วยให้รถของคุณช้าลงโดยไม่ต้องเหยียบเบรคหนัก ๆ ถือเป็นเทคนิคง่าย ๆ ที่ช่วยลดการสึกหรอของผ้าเบรค และความร้อนที่ลดลงบนผ้าเบรครถยนต์

Tips: พฤติกรรมแบบไหนควรเลี่ยง เสี่ยงเบรครถยนต์พังไม่รู้ตัว?

พฤติกรรมนี้คือ “การเยียบเบรคแช่ทิ้งไว้” นั่นเอง การเหยียบเบรคแช่ทิ้งไว้ในขณะที่รถติดเป็นเวลานาน จะทำให้อุณหภูมิของจานเบรคและผ้าเบรคที่สูงอยู่แล้ว ไม่สามารถระบายหรือลดลงได้ ทำให้ประสิทธิภาพในการเบรคลดลง หรืออาจทำให้จานเบรคหรือผ้าเบรคเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ เช่น จานเบรคบิดเบี้ยวเป็นผลทำให้เบรคสั่น ผิวหน้าของผ้าเบรคด้านเนื้อผ้าเบรคแข็ง เป็นต้น

ถึงแม้ว่าคุณจะปรับเปลี่ยนการใช้รถที่ถนอมผ้าเบรคอย่างเคร่งครัดแค่ไหน หรือมีพฤติกรรมการขับขี่ที่ดี แต่ในเรื่องของ ‘อุบัติเหตุ’ ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้เลย แถมยังอาจสร้างความเสียหายต่อระบบเบรค จานเบรค และชิ้นส่วนอื่น ๆ อีกด้วย ประกันรถยนต์จะคุ้มครองคุณจากความเสี่ยงที่กล่าวมา รวมไปถึงความเสี่ยงรถเสียหายจากรถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม ภัยธรรมชาติต่าง ๆ อีกด้วย

เมื่อไหร่ที่ควรเปลี่ยนผ้าเบรค | รู้ใจ ประกันรถยนต์

เมื่อไหร่ที่ควรเปลี่ยนผ้าเบรครถยนต์?

เชื่อว่าหลายคนคงเกิดความสงสัยอยู่ไม่น้อย ว่าผ้าเบรครถยนต์ใช้ได้กี่ปี แล้วเมื่อไหร่ถึงควรเปลี่ยนผ้าเบรคสักที คำตอบคือ ผ้าเบรคมีอายุการใช้งานเฉลี่ยประมาณ 50,000-60,000 กิโลเมตร ต่อให้ขับทุกวันยังถือว่าใช้งานได้ค่อนข้างนาน แต่ถ้าจำไม่ได้ว่าใช้งานมานานแค่ไหน หรือไม่แน่ใจว่าถึงเวลาเปลี่ยนแล้วหรือยัง เรามี 3 วิธีเช็คผ้าเบรครถยนต์ ดังนี้

1. ต้องยกเบรคมือสูงขึ้นกว่าปกติ

ตามปกติแล้วเวลาจอดรถยนต์ไว้กับที่ แน่นอนว่าทุกคนต้องเข้าเกียร์จอดแล้วดึงเบรคมือเสมอ แต่ถ้าเมื่อไหร่รู้สึกว่าเบรคมือหลวม จนต้องดึงสูงกว่าปกติ นั่นเป็นสัญญาณที่กำลังบอกว่า “ผ้าเบรคของคุณเริ่มบางมากแล้ว” ควรนำรถเข้าไปตรวจเช็คโดยด่วน

2. สัมผัสของเบรครถยนต์ไม่เหมือนเดิม

อาการที่เห็นได้ชัดสุดเมื่อผ้าเบรคใกล้หมด คือ ส่งผลกระทบต่อการเบรคโดยตรง สามารถสังเกตได้จากเสียงผิดปกติขณะเบรค เช่น ดังครืด ๆ หรือดังเอี๊ยด ๆ เพราะเสียงแบบนี้กำลังบอกคุณว่าผ้าเบรคเริ่มบาง เหลือเพียงส่วนที่เป็นเหล็กแล้ว

หากทุก ๆ ครั้งที่มีการใช้รถและมีเสียงแบบนี้บ่อย ๆ อาจทำให้จานเบรคเกิดความเสียหาย ควรนำรถเข้าศูนย์แล้วทำการเปลี่ยนผ้าเบรคทันที เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง

3. สังเกตไฟเตือนหน้าคอนโซล

รถยนต์หลาย ๆ รุ่นจะมีไฟเตือนหน้าคอนโซลเป็นสัญลักษณ์รูปตัว (P) หากสัญลักษณ์นี้มีไฟปรากฏขึ้นมา แสดงว่าระบบเบรคกำลังมีปัญหา อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ผ้าเบรคเริ่มหมด ถึงเวลาเปลี่ยนผ้าเบรคแล้ว หรือน้ำมันเบรครั่ว เป็นต้น

แต่ไม่ว่าทั้ง 3 อาการข้างต้นจะมีสาเหตุมาจากผ้าเบรคหมดหรือไม่ ทางที่ดีที่สุดแนะนำให้นำรถไปตรวจเช็คสภาพโดยด่วน เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันปัญหาเกี่ยวกับชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่อาจตามมาแล้ว ยังช่วยป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

จะเห็นได้ว่าผ้าเบรคมีความสำคัญต่อรถยนต์อย่างมาก แถมผ้าเบรครถยนต์ยังส่งผลต่อความปลอดภัยโดยตรง นอกจากจะต้องคอยเช็คว่าควรเปลี่ยนผ้าเบรค น้ำมันเบรคตอนไหน ยังต้องคอยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ให้เหมาะสม ลดความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายตามมาอีกด้วย เพียงเท่านี้ก็ช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้นแล้วล่ะ

สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้ เกี่ยวกับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ด้านสุขภาพ รวมถึงเกร็ดความรู้เกี่ยวกับประกันภัยต่าง ๆ ได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือเพิ่มเพื่อนทาง LINE ได้เลย (Official LINE ID: @roojai)

คำจำกัดความ

จานเบรค เป็นหนึ่งในชิ้นส่วนของระบบเบรก ที่อยู่ติดกับล้อรถยนต์ มีหน้าที่รองรับแรงเสียดทาน โดยทำงานร่วมกับผ้าเบรกเพื่อให้รถชะลอหรือหยุดนิ่ง
แป้นเบรค เป็นจุดเริ่มต้นของการเบรค เมื่อคุณเหยียบแป้นเบรค แรงกดจะถูกส่งไปยังระบบไฮดรอลิก
previous article
< บทความก่อนหน้า

แนะนำ 5 วิธีดูแลรักษารถยนต์ไฮบริด ยืดอายุการใช้งานไปยาวๆ