Roojai

เทียบความต่าง ไข้หวัดใหญ่ VS โควิด-19 ฉีดวัคซีนฟรีมีที่ไหนบ้าง?

Article Roojai Verified
ความแตกต่างของไข้หวัดใหญ่ VS โควิด-19 | รู้ใจประกันภัย

ข่าวการแพร่ระบาดของโควิดที่กลับมาอีกครั้งในปี 2568 นี้ เชื่อว่าหลายคนคงตื่นตัวและระมัดระวังกันมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันไข้หวัดใหญ่ก็ยังไม่ได้หายไป  คนไทยต่างต้องเผชิญกับโรคระบาดที่มาเยือน ทั้งไข้หวัดใหญ่หรือโควิด-19 โดยทั้งสองโรคนี้มีอาการที่คล้ายคลึงกัน บทความนี้พาเจาะลึกความแตกต่าง เพื่อให้สามารถดูแลตัวเองและคนรอบข้างได้อย่างถูกวิธี

สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!

ไข้หวัดใหญ่ เกิดจากอะไร?

ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) เกิดจากเชื้อไวรัสที่เรียกว่า Influenza virus โดยเชื้อไวรัสนี้มีหลายสายพันธุ์ ได้แก่ A, B, C, และ D ซึ่งสายพันธุ์ที่พบมากในไทยคือคือสายพันธุ์ A และ B ไวรัสไข้หวัดใหญ่จะแพร่กระจายผ่านทางการสัมผัสละอองฝอยจากผู้ติดเชื้อที่ไอหรือจาม และเชื้อสามารถติดอยู่บนพื้นผิวต่างๆ ได้ชั่วคราว

นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในไทย ส่วนใหญ่พบชนิด B (Victoria) มากที่สุดถึง 48.08% รองลงมาคือไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H3N2) 40.77%  ในขณะที่ไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H1N1) pdm09 มีสัดส่วน 11.15% ตามลำดับ

โควิด-19 เกิดจากอะไร?

โควิด-19 (COVID-19) เกิดจากเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสในตระกูลโคโรนาไวรัส เชื้อไวรัสนี้มีการแพร่กระจายที่รวดเร็วและสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงในระบบทางเดินหายใจ แพร่ผ่านทางละอองฝอยที่ออกมาจากการไอ จาม หรือพูด รวมถึงการสัมผัสพื้นผิวที่มีเชื้อไวรัสแล้วมาสัมผัสกับใบหน้า

และในปี 2568 นี้ โควิด-19 เริ่มมีการระบาดอีกครั้ง โดยสถิติตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 8 พฤษภาคม 2568 พบผู้ป่วยสะสม 41,197 ราย และเสียชีวิตเสียชีวิตสะสม 15 ราย แม้จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะหลังเทศกาลสงกรานต์มาจนถึงหน้าฝนนี้ แต่ยังเป็นไปตามคาดการณ์ เพราะโรคโควิด 19 กลายเป็นโรคประจำถิ่น สามารถพบผู้ป่วยได้ตลอดทั้งปี (ที่มา: กองระบาดวิทยา/สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค)

อาการของไข้หวัดใหญ่ VS โควิด-19 | รู้ใจประกันภัย

อาการไข้หวัดใหญ่ vs อาการโควิด-19

​​อาการไข้หวัดใหญ่ อาการโควิด-19
อาการของโรคไข้หวัดใหญมักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โยมีอาการคือ
  • ไข้สูงเฉียบพลัน
  • ปวดหัว ปวดเมื่อยตามร่างกาย
  • อ่อนเพลียมาก
  • ไอแห้งๆ หรือไอมีเสมหะ
  • คัดจมูก น้ำมูกไหล
  • เจ็บคอ
อาการของโควิด-19 อาจเริ่มต้นด้วยอาการคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ แต่บางครั้งอาจมีความแตกต่างที่ชัดเจน เช่น
  • ไข้
  • ไอแห้ง
  • อ่อนเพลีย
  • หายใจลำบากหรือแน่นหน้าอก
  • สูญเสียการรับรสหรือกลิ่น
  • ปวดหัว ปวดเมื่อยตามร่างกาย
  • เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล
​อาการของไข้หวัดใหญ่มักจะคงอยู่ประมาณ 5-7 วัน ในผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงอาจหายได้เอง แต่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว อาการอาจรุนแรงขึ้นและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ บางรายอาจไม่มีอาการเลย รวมถึงไม่มีไข้ด้วย แต่ในกรณีรุนแรงโควิดลงปอดอาจทำให้เกิดปอดอักเสบและภาวะหายใจล้มเหลวได้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว

สรุปความแตกต่างระหว่างโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่

แม้โรคไข้หวัดใหญและโควิด-19 จะมีอาการที่คล้ายกัน แต่มีบางจุดที่สามารถช่วยแยกแยะได้ เช่น

  1. การสูญเสียการรับรสหรือกลิ่น – เป็นอาการที่พบบ่อยในผู้ป่วยโควิด-19 มากกว่าไข้หวัดใหญ่
  2. อาการหายใจลำบาก – ในโควิด-19 อาจมีอาการหายใจลำบากรุนแรงมากกว่า โดยเฉพาะในกรณีที่ปอดติดเชื้อ
  3. ระยะเวลาเริ่มแสดงอาการ – ไข้หวัดใหญ่มักจะมีอาการชัดเจนภายใน 1-4 วันหลังจากติดเชื้อ ในขณะที่โควิด-19 อาจใช้เวลานานถึง 5-14 วันก่อนที่อาการจะแสดงออกมา

การแพร่เชื้อของไข้หวัดใหญ่ VS โควิด-19 

  • ไข้หวัดใหญ่ – แพร่เชื้อผ่านละอองฝอยที่เกิดจากการไอ จาม และสามารถติดต่อได้ในช่วง 1 วันก่อนแสดงอาการจนถึง 5-7 วันหลังจากมีอาการ
  • โควิด-19 – การแพร่เชื้อมีลักษณะคล้ายกัน แต่โควิด-19 มีโอกาสแพร่เชื้อได้มากกว่า และระยะเวลาการแพร่เชื้ออาจนานกว่านั้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ
วัคซีนโควิด-19 ยังต้องฉีดอยู่มั้ย | รู้ใจประกันภัย

เจาะลึกวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ชนิด ราคา ใครฉีดฟรีได้บ้าง?

การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นสิ่งที่แนะนำ โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ที่มีโรคประจำตัว วัคซีนไข้หวัดใหญ่ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อและลดความรุนแรงของอาการหากติดเชื้อ โดยฉีดเพียงแค่ 1 เข็ม/ปี

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ มีกี่ชนิด?

  1. วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิด 3 สายพันธุ์ ป้องกันไวรัสไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ A 2 สายพันธุ์ย่อย และสายพันธุ์ B 1 สายพันธุ์ มีราคาถูกกว่า แต่ครอบคลุมน้อยกว่า
  2. วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิด 4 สายพันธุ์ ป้องกันไวรัสไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ สายพันธุ์ A 2 สายพันธุ์ย่อย และสายพันธุ์ B 2 สายพันธุ์ ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน แม้ราคาสูงกว่าเล็กน้อย แต่คุ้มค่ากว่าในด้านการป้องกัน

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี ปี 2568 ใครมีสิทธิ์บ้าง?

1. มีประกันสังคม อายุ 50+

ผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39 อายุ 50 ปีขึ้นไป สามารถใช้สิทธิประกันสังคมฉีดวัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย! ได้ที่ รพ. ตามสิทธิ์ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 31 สิงหาคม 2568 โดยใช้บัตรประชาชนเป็นหลักฐานในการเข้ารับบริการ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1506 สายด่วนประกันสังคม ทุกวันตลอด 24 ชม.

2. เป็นบุคคลในกลุ่มเสี่ยง

สำหรับบุคลที่อยู่ใน 7 กลุ่มเสี่ยง ดังนี้

  • เด็กเล็ก อายุ 6 เดือน – 2 ปี 11 เดือน 29 วัน
  • หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ที่แนะนำ 12-20 สัปดาห์ (สามารถให้ได้ตลอดการตั้งครรภ์)
  • ผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป
  • ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง, หอบหืด, หัวใจ, หลอดเลือดสมอง, ไตวาย, เบาหวาน และผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด
  • ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
  • โรคธาลัสซีเมีย และผู้ที่ภูมิคุ้มกันกับกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ)
  • ผู้ที่เป็นโรคอ้วน (มีน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม หรือ ค่า BMI มากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร)

หากคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ไม่ว่าบัตรทองหรือประกันสังคม สามารฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 31 สิงหาคม 2568 หรือจนกว่าวัคซีนจะหมด ได้ที่หน่วยบริการในระบบบัตรทองได้ทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ กทม. และคลินิกชุมชนอบอุ่นที่เข้าร่วมโครงการ หรือสถานพยาบาลตามสิทธิที่ท่านไปรักษาเป็นประจำ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน สปสช. 1330 อย่างไรก็ตามแนะนำให้สอบถามและนัดหมายก่อนเข้ารับบริการ และนำบัตรประจำตัวประชาชนมาด้วยทุกครั้ง

3. อายุไม่ถึง 50 ปี และไม่ได้เป็นกลุ่มเสี่ยง

สำหรับคนที่อายุไม่ถึง 50 ปีขึ้นไปและไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง จะไม่สามารถใช้สิทธิ์ประกันสังคมหรือบัตรทองได้ ต้องจ่ายค่าวัคซีนด้วยตัวเอง โดยราคาประมาณ ดังนี้

  • รพ.รัฐ 300-400 บาท / เข็ม
  • รพ.เอกชน 790-1100 บาท / เข็ม
วิธีฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี | รู้ใจประกันภัย

วัคซีนโควิด-19 จำเป็นต้องฉีดหรือไม่? มีฉีดฟรีหรือเปล่า?

จากการสืบค้นข้อมูล ไม่พบการฉีดวัคซีนโควิด-19 ฟรีในปี 2568

สำหรับคำตอบของคำถามที่ว่า “วัคซีนโควิด-19 จำเป็นต้องฉีดหรือไม่?” ในเรื่องนี้ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ  ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์  และหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า

  • “โรคโควิด 19 ในระยะแรก ปีแรกๆ รุนแรงมากมีอัตราเสียชีวิตถึงร้อยละ 1 และมีอัตราการลงปอดเป็นปอดบวมสูงมากโอกาสต้องนอนโรงพยาบาลสูงมากๆ แต่ในปัจจุบันประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานแล้ว จากการติดเชื้อ และฉีดวัคซีน และไวรัสโควิดก็ลดความรุนแรงของโรคลงมา ทำให้มีอัตราการเสียชีวิตต่ำ เปรียบเทียบได้กับไข้หวัดใหญ่ ผู้ติดเชื้อโควิด 19 จำนวนมาก ไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อย เพราะเคยเป็นมาแล้ว ยกเว้นมีร่างกายอ่อนแอ หรือมีโรคประจำตัว ก็เป็นเช่นเดียวกันกับโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ ที่อาจจะรุนแรงขึ้น”
  • และ “ในปัจจุบันจึงแนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยง โดยทางภาครัฐสนับสนุน ให้ได้ฉีดฟรี ส่วนวัคซีนโควิด เมื่อคิดถึงความคุ้มทุน และประโยชน์ที่ได้ เมื่อโรคลดความรุนแรงลง โดยส่วนตัวจึงไม่แนะนำ และถ้าป่วยให้รีบให้การรักษา เพราะมียาที่มีประสิทธิภาพ”

(ที่มา: Hfocus)

การเข้าใจความแตกต่างระหว่างโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่จะช่วยให้เราสามารถป้องกันตัวเองและคนรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการมีประกันสุขภาพไม่ว่าจะประกันกลุ่มจากบริษัท หรือประกันสังคม หรือแม้กระทั่งประกันสุขภาพส่วนตัว รวมไปถึงประกันโรคร้ายแรง ก็จะช่วยซัพพอร์ตเราในวันที่เกิดเจ็บป่วยไม่คาดคิด

สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้ เกี่ยวกับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ด้านสุขภาพ รวมถึงเกร็ดความรู้เกี่ยบกับประกันภัยต่าง ๆ ได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือเพิ่มเพื่อนทาง LINE ได้เลย (Official LINE ID: @roojai)

คำจำกัดความ

ติดเชื้อรุนแรงในระบบทางเดินหายใจ ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการติดเชื้อโรคของระบบทางเดินหายใจ เริ่มตั้งแต่จมูก คอ หลอดลม ไปจนถึงปอด โดยเชื้อที่เป็นสาเหตุหลักส่วนใหญ่จะเป็นเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัด และอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น ปอดบวมและวัณโรค
ภาวะหายใจล้มเหลว ภาวะที่ร่างกายมีออกซิเจนไม่พอหรือมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากจนเกินไป ซึ่งภาวะนี้อาจเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน หรือเกิดขึ้นแบบเรื้อรังก็ได้เช่นกัน
previous article
< บทความก่อนหน้า

อาการสั่น ถ้าไม่ใช่โรคพาร์กินสัน เกิดจากอะไรได้บ้าง?