การมีโรคประจำตัวอาจทำให้หลายคนลังเลจนไม่กล้าซื้อประกันสุขภาพ เพราะเข้าใจว่าทำไม่ได้ กังวลว่าจะถูกปฏิเสธ หรือกลัวว่าบริษัทประกันจะไม่คุ้มครองหากมีประวัติการรักษามาก่อน แต่ความจริงคำถามที่ว่า มีโรคประจําตัวทําประกันได้ไหม ถ้าจะตอบว่า ”ไม่ได้” ก็ใช่ว่าถูกซะทีเดียว ไม่มีคำตอบตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!
- โรคประจําตัว คืออะไร?
- มีโรคประจําตัวทําประกันได้ไหม?
- โรคประจำตัวแบบไหนที่ยังสามารถทำประกันได้?
- ประกันสุขภาพกับประกันชีวิต แบบไหนเหมาะกับคนมีโรคประจำตัว?
โรคประจําตัว คืออะไร?
โรคประจําตัว คือ โรคที่มีติดตัวอยู่เป็นประจำ รักษาไม่หายขาด และต้องการการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยโรคเหล่านี้อาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หรือความสามารถในการทำงานได้ ทั้งนี้ โรคประจําตัวทางการแพทย์จะครอบคลุมทั้งโรคที่รักษาไม่หายขาด แต่สามารถควบคุมอาการได้ รวมถึงโรคที่ต้องเฝ้าระวัง โดยตัวอย่างโรคประจําตัว มีดังนี้
- เบาหวาน
- ไขมันในเลือดสูง
- ภูมิแพ้เรื้อรัง
- มะเร็ง (บางประเภทที่เข้าสู่ระยะฟื้นตัว)
- ความดันโลหิตสูง
- โรคหัวใจ
- โรคหอบหืด
- โรคไต
ในปัจจุบันไม่มีจำนวนที่แน่นอนว่าโรคประจําตัว มีกี่โรค เพราะโรคประจำตัวมีหลายชนิดมาก และจำนวนไม่ได้ตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับการจำแนกและบริบทที่ใช้
รู้จัก สภาพที่เป็นมาก่อนการเอาประกัน (Pre existing conditions)
คำศัพท์ในวงการประกันภัย สำหรับคนที่มีโรคประจำตัวหรืออาการผิดปกติก่อนทำประกัน จะเรียกว่า สภาพที่เป็นมาก่อนการเอาประกัน (Pre existing conditions) ซึ่งก็คือ อาการหรือความผิดปกติที่เกี่ยวข้อง หรือสัมพันธ์กัน ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่กรมธรรม์ประกันภัยมีผลบังคับ เช่น หากคุณเคยรักษาโรคหัวใจมาก่อน แต่เพิ่งมาทำประกัน โรคหัวใจจะถือเป็น pre existing conditions โดยแต่ละบริษัทจะมีเงื่อนไขให้ความคุ้มครองต่างกันตามแต่การตกลงกับบริษัทประกัน เช่น ไม่คุ้มครองในช่วง 1-2 ปีแรก หรือไม่คุ้มครองเลย ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท

มีโรคประจําตัวทําประกันได้ไหม?
ทำได้ในหลายกรณี แต่มีเงื่อนไขที่ผู้ทำประกันจำเป็นต้องทำความเข้าใจให้ดีก่อน เพราะบริษัทประกันแต่ละที่มีเกณฑ์การรับประกันที่แตกต่างกันออกไป
สามารถทำประกันได้
บริษัทประกันบางแห่งมีนโยบายรับผู้เอาประกันที่มีโรคประจำตัว แต่จะมีการ “ยกเว้นความคุ้มครองสำหรับโรคนั้น ๆ” หรืออาจเรียกเก็บเบี้ยประกันเพิ่มตามระดับความเสี่ยง ในส่วนนี้แนะนำให้สอบถามกับบริษัทประกันให้ชัดเจน และควรเปิดเผยข้อมูลสุขภาพต่อบริษัทอย่างตรงไปตรงมา เพื่อเลี่ยงการถูกยกเลิกความคุ้มครองหรือไม่คุ้มครองในภายหลัง
ไม่สามารถทำประกันได้
โรคที่มีความรุนแรงสูง เช่น ไตวายระยะสุดท้าย มะเร็งระยะลุกลาม หรือเคยผ่าตัดโรคหัวใจ โรคเหล่านี้มีโอกาสที่จะถูกปฏิเสธสูง นอกจากนี้ผู้ที่ไม่เปิดเผยข้อมูลสุขภาพ หรือปกปิดประวัติการรักษา อาจถูกยกเลิกกรมธรรม์ภายหลังได้เช่นกัน
Tips น่ารู้ มีโรคประจําตัวบริจาคเลือดได้ไหม?
โรคประจำตัวบางประเภทสามารถบริจาคเลือดได้ และขึ้นอยู่กับการควบคุมอาการของโรค ซึ่งสภากาชาดไทยและศูนย์บริการโลหิตต่าง ๆ จะมีเกณฑ์ชัดเจนในการคัดกรองผู้บริจาคเลือด โดยโรคประจำตัวที่สามารถบริจาคเลือดได้ มีดังนี้
- โรคภูมิแพ้ หากขณะนั้นไม่มีอาการรุนแรง หรือไม่มีการใช้ยา prednisolone
- ความดันโลหิตสูง ที่ควบคุมได้ด้วยยาชนิดรับประทานอย่างต่อเนื่อง และไม่มีผลแทรกซ้อน
- ไขมันในเลือดสูง ถ้าหากรับประทานยาลดไขมัน และควบคุมอาหาร จนระดับไมันในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ สามารถบริจาคได้
- คอเลสเตอรอลสูง หากสูงเพียงอย่างเดียว บริจาคโลหิตได้
- ไตรกลีเซอไรด์สูง ให้งดบริจาคโลหิตชั่วคราว จนกว่าจะควบคุมอยู่ในเกณฑ์ปกติ
- เบาหวาน กรณีที่ควบคุมด้วยการควบคุมอาหารเท่านั้น (ยังไม่ใช้ยา) ‘อาจ’ บริจาคได้ แต่หากใช้ยาหรือฉีดอินซูลินมักจะไม่ผ่านเกณฑ์
โรคประจำตัวแบบไหนที่ยังสามารถทำประกันได้?
ยังมีโรคหลายประเภทที่สามารถซื้อประกันได้ ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรง อาการ และเงื่อนไขของบริษัทแต่ละแห่ง โดยอาจจะอนุมัติให้ทำประกันได้แต่ไม่คุ้มครองโรคประจำตัวที่เป็นมาก่อนทำประกัน
ยกตัวอย่างโรคประจำตัวที่ยังมีโอกาสทำประกันได้มาให้ทำความเข้าใจเพิ่มเติม ดังนี้
- ความดันโลหิตสูง: หากสามารถควบคุมระดับความดันได้ดี ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น ไตวายหรือหัวใจล้มเหลวบริษัทประกันบางแห่งจะยังรับประกัน แต่ต้องแสดงหลักฐานการรักษาร่วมด้วย
- เบาหวานชนิดที่ 2: กรณีที่ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ดี และไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหลอดเลือด หรือโรคไต บริษัทประกันอาจมีการคิดเบี้ยประกันสูงขึ้น หรือมีช่วงเวลารอคอย
- โรคไขมันในเลือดสูง: ถ้าไม่มีโรคหัวใจหรือเส้นเลือดอุดตันร่วมด้วย ส่วนใหญ่จะสามารถทำประกันได้
- โรคหอบหืด: ผู้ที่มีอาการไม่รุนแรงหรือไม่ได้มีภาวะถุงลมโป่งพอง มักจะผ่านการพิจารณา
- ภาวะไทรอยด์: ทั้งไฮโป (Hypothyroidism) และไฮเปอร์ (Hyperthyroidism) หากควบคุมระดับฮอร์โมนได้
ย้ำอีกครั้งว่าโรคประจำตัวที่ยังสามารถทำประกันได้ อาจมีข้อยกเว้นชั่วคราวหรือถาวร บางบริษัทอาจคิดค่าเบี้ยเพิ่มตามระดับความเสี่ยง จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลสุขภาพตามความจริง เพื่อไม่ให้ถูกยกเลิกกรมธรรม์ในภายหลัง

ประกันสุขภาพกับประกันชีวิต แบบไหนเหมาะกับคนมีโรคประจำตัว?
ทั้งสองแบบมีข้อดีแตกต่างกัน และขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของผู้เอาประกัน รวมถึงเงื่อนไขของโรคที่เป็นอยู่ด้วย รู้ใจจะพาไปเปรียบเทียบอย่างชัดเจน เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจในการเลือกซื้อประกันสุขภาพ แบบไหนดีได้ง่ายขึ้น ดังนี้
ประกันสุขภาพ
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล เช่น คนที่ต้องพบแพทย์หรือต้องรับยาเป็นประจำ นอกจากนี้ยังตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายกรณีเจ็บป่วย เข้าโรงพยาบาล ที่สำคัญเหมาะสำหรับการวางแผนเรื่องสุขภาพในระยะยาว เช่น ตรวจสุขภาพประจำปี หรือเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน
ประกันชีวิต
เหมาะสำหรับการวางแผนการด้านการเงินและครอบครัว และคนที่โรคประจำตัวไม่รุนแรงมาก เช่น เบาหวานที่ควบคุมได้ ความดัน เป็นต้น คุณอาจไม่ต้องการเคลมค่ารักษาพยาบาล แต่ต้องการให้เงินก้อนแก่คนข้างหลังหากเสียชีวิต
หากคุณมีโรคประจำตัวอย่าปล่อยให้ “ความกังวล” ทำให้คุณพลาดโอกาสในการได้รับความคุ้มครอง ลองศึกษาข้อมูลหรือปรึกษาตัวแทนที่ไว้ใจได้ว่ามีโรคประจําตัวทําประกันได้ไหม เงื่อนไขเกี่ยวกับโรคประจําตัว มีอะไรบ้าง และที่สำคัญคือการเปิดเผยข้อมูลสุขภาพให้บริษัทอย่างตรงไปไตรงมา อย่าปกปิด เพื่อความคุ้มครองที่ตอบโจทย์และไม่ต้องกังวลว่าจะถูกยกเลิกภายหลัง
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้ เกี่ยวกับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ด้านสุขภาพ รวมถึงเกร็ดความรู้เกี่ยวกับประกันภัยต่าง ๆ ได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือเพิ่มเพื่อนทาง LINE ได้เลย (Official LINE ID: @roojai)
คำจำกัดความ
| ภาวะเรื้อรัง | สภาพของร่างกายหรือโรคที่เป็นอยู่เป็นระยะเวลานาน มักมีอาการต่อเนื่อง หรือมีแนวโน้มที่จะเป็นต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน |
| ภาวะแทรกซ้อน | อาการหรือปัญหาที่เกิดขึ้นเพิ่มเติมจากภาวะหรือโรคที่เป็นอยู่เดิม |