Roojai

10 เทคนิคขับรถให้ปลอดภัยในช่วงหน้าฝน

จากสถิติของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ในช่วงเดือนมิถุยายนถึงเดือนตุลาคมนั้น มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากกว่าช่วงปกติอย่างชัดเจน คิดเป็นเกือบร้อยละ 40 ของอุบัติเหตุบนท้องถนนของทั้งปี* เราสังเกตได้ว่าช่วงหน้าฝนทีไร  มักจะมีข่าวการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนถี่มาก ทั้งสาเหตุจากถนนลื่น เบรกไม่อยู่ รถเสียหลัก ตกถนน และอีกปัจจัยเกิดจากอุปกรณ์ของรถยนต์เสื่อมสภาพไม่พร้อมใช้งานอย่างสมบูรณ์ รวมถึงผู้ขับขี่ขาดประสบการณ์ในการขับรถยนต์บนพื้นผิวที่เปียกลื่น วันนี้ Roojai.com รวบรวม 10 เทคนิคการขับรถหน้าฝนให้ปลอดภัย ที่ทั้งคนขับรถมือเก่าและใหม่ควรรู้อย่างยิ่ง Roojai.com ประกันภัยรถยนต์ออนไลน์ ห่วงใยคนขับรถทุกคน เลยแบ่งเป็นหัวข้อหลักๆ มาให้ดังต่อไปนี้

1. ตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์โดยเริ่มเช็คจากพวกของเหลวต่างๆ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ ว่าอยู่ในระดับปกติหรือไม่โดยเช็คได้จากก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง หรือดูว่าถึงระยะที่ควรต้องเปลี่ยนถ่ายหรือยัง ถ้าครบวาระแล้วก็ควรรีบเปลี่ยนเลย แต่ถ้ามีอาการรั่วซึมออกจากระบบ อันนี้เรื่องใหญ่ เพราะถ้าฝืนขับไปจนน้ำมันเครื่องแห้ง งานนี้มีแต่พังกับพัง วิธีสังเกตก็ให้ตามซีนเครื่อง ซีนเกียร์ และตามรอยต่อต่างๆ ว่ามีคราบน้ำมันซึมออกมาหรือไม่ หรือดูที่ใต้ท้องรถว่าจากคราบน้ำมันหยดไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งถ้าพบว่ามีการรั่วซึมให้รีบซ่อมแซมทันที

2. ตรวจเช็คสภาพเบรกและช่วงล่าง สิ่งสำคัญคือผ้าเบรกและน้ำมันเบรก ซึ่งควรเปลี่ยนที่ระยะทาง 50,000 กม. หรือไม่ควรเกิน 2 ปี ควรเช็คระดับน้ำมันเบรกทุกสัปดาห์ รวมถึงพวกท่อทางเดินน้ำมันเบรกว่ามีการรั่วซึมหรือไม่ และหมั่นสังเกตการทำงานของเบรกว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า เช่น มีเสียงดังขณะเบรก หรือการเบรกไม่ค่อยอยู่ ถ้าเป็นรถรุ่นใหม่บางรุ่นจะมีไฟเตือนบนหน้าปัด ซึ่งถ้าพบสิ่งผิดปกติตรงไหนหรือเกินระยะการใช้งานแล้ว ให้รีบแก้ไขโดยด่วน เพราะถ้าฝืนขับไปอาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายในหน้าฝนแบบนี้

ส่วนช่วงล่างนั้นอย่างแรกๆ ให้ดูที่ยางหุ้มแร็ค, ยางหุ้มเพลาและโช็คอัพว่ามีรอยฉีดขาดหรือมีคราบน้ำมันรั่วซึมออกมาหรือไม่ ถ้ามีให้เปลี่ยนเสียเลย ซึ่งถ้าปล่อยไว้คุณอาจจะได้เปลี่ยนมากกว่านั้น เพราะเวลาขับรถลุยน้ำ พวกโคลน หิน ดิน ทราย จะเข้าไปทำความเสียหายได้

3. เลี่ยงการขับลุยน้ำท่วมขังสภาพท้องถนนในบ้านเราเมื่อมีฝนตกจะมีแอ่งน้ำอยู่เป็นช่วงๆ ผู้ขับขี่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ถ้าเป็นไปได้ควรใช้ช่องทางเดินรถที่ไม่มีน้ำท่วมขัง ถ้าหลักเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเห็นแล้วให้ชะลอความเร็ว จับพวงมาลัยให้มั่นคง อย่าใช้เบรก หรือกดคันเร่งเพื่อผ่านไปอย่างรวดเร็ว จะทำให้รถเสียการทรงตัวได้ หรือมีอาการเหินน้ำทำให้เสียการควบคุมรถไป

4. เว้นระยะห่างคันหน้าให้มากขึ้นการขับรถบนสภาพถนนที่เปียกลื่นนั้น ผู้ขับขี่จะต้องเว้นระยะห่างจากคันหน้าให้มากขึ้นกว่าปกติ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ต้องเบรกกะทันหันจะได้มีระยะเบรกที่ปลอดภัย เพราะถ้าเบรกเปียกน้ำจะมีระยะเบรกที่มากกว่าสภาพเบรกที่แห้ง

5. ตรวจเช็คระบบไฟส่องสว่างเช่น ระบบไฟส่องสว่างต่างๆ ตั้งแต่ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว และไฟตัดหมอกว่าอยู่ในสภาพดี ถ้ามีคราบสกปรกก็ให้ควรทำความสะอาดให้ใส ถ้าพบว่ามีหลอดไหนไม่ติด ควรเปลี่ยนให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและติดครบทุกดวง เพื่อความสว่างชัดเจนและเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้นและยังช่วยให้รถคันอื่นเห็นรถเราได้ชัดขึ้นอีกด้วย

6. ใช้สัญญาณไฟให้ถูกต้องการขับรถในช่วงฝนตกแล้วเปิดไฟฉุกเฉินกระพริบทั้งสองข้างเป็นสิ่งที่ผิด เพราะจะทำให้รถคันอื่นเข้าใจผิดคิดว่าคุณจะเลี้ยว ควรจะใช้สัญญาณไฟดังกล่าวในกรณีที่จอดรถหรือรถหยุดนิ่งเท่านั้น ถ้าฝนตกไม่มากให้เปิดไฟหรี่ และถ้าฝนตกหนักมากให้เปิดไฟใหญ่ไปเลย ในรถรุ่นใหม่ๆ จะมีไฟตัดหมอกทั้งหน้าและหลัง ให้เปิดใช้และปิดทันทีเมื่อฝนหยุดตก เพราะจะเป็นการรบกวนสายตาผู้ขับรถคันอื่นได้

7. ใช้เบรกให้เป็นในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ จะมีระบบป้องกันล้อล็อดในกรณีเบรกอย่างกะทันหัน หรือระบบเบรก ABS ผู้ขับขี่ควรศึกษาและใช้อย่างถูกวิธี เมื่อต้องเบรกอย่างกะทันหัน ควรเบรกเพียงครั้งเดียว เมื่อระบบทำงานจะช่วยรักษาเสถียรภาพการทรงตัวของรถและระยะทางในการเบรกที่สั้นลง ถ้าเบรกแบบย้ำหลายๆ ที จะให้เบรกต้องทำงานใหม่ทุกครั้งที่ยกเท้าออกจากแป้นเบรก ทำให้ระยะเบรกจะมากขึ้นกว่าปกติ

8. ตรวจเช็คสภาพยางอันนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อการขับขี่มากที่สุดสำหรับการขับรถในหน้าฝน ลองคิดดูว่ารถ 1 คันไม่ว่าราคาหลักแสนหรือแพงระดับ 10 ล้าน ทุกคันมีเพียงพื้นที่ของหน้ายางเท่านั้นที่สัมผัสอยู่กับพื้นถนน ซึ่งต้องตรวจเช็คยางให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอโดยเฉพาะช่วงหน้าฝนแบบนี้

อายุการใช้งานของยางไม่ควรเกิน 2 ปี หรือที่ระยะทางประมาณ 50,000 กม. และควรสับเปลี่ยนยางรถยนต์ที่ระยะทาง 10,000 กม. เนื้อยางจะต้องไม่แข็ง ดอกยางจะต้องไม่สึกจนต่ำกว่าขีดบอกระดับต่ำสุดของยาง หรือต้องลึกมากกว่า 2 มม. ถ้าต่ำกว่านี้ควรทำการเปลี่ยนใหม่เพื่อความปลอดภัย ที่สำคัญอย่าลืมตรวจเช็คยางอะไหล่ให้พร้อมใช้งานรวมไปถึงการตรวจเช็คลมยางสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

9. ตรวจเช็คระบบปัดน้ำฝนซึ่งโดยปกติแล้วเราควรเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนหรือเฉพาะยางปัดทุกปีในช่วงหน้าฝนจะดีที่สุด เพราะรถในเมืองร้อนมากๆ อย่างบ้านเรา ยางปัดน้ำฝนจะเสื่อมสภาพเร็วโดยเฉพาะรถที่จอดกลางแดดเป็นประจำ ใบปัดน้ำฝนที่เสื่อมสภาพเวลาปัดจะมีคราบน้ำเป็นเส้นๆ ที่กระจกปัดแล้วไม่สะอาดใส หรือมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด ลักษณะนี้ควรทำการเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนทันทีเพื่อป้องกันกระจกเป็นรอยในภายหลัง

นอกจากใบปัดน้ำฝนแล้ว เราควรตรวจเช็คสวิทช์ควบคุมว่าทำงานได้ปกติหรือไม่ สปีดความเร็วในการปัดควรทำงานได้ปกติ หัวฉีดน้ำและถังพักน้ำด้วยเช่นกัน ให้ลองสังเกตดูการฉีดของน้ำล้างกระจกว่าแรงดีหรือไม่ และฉีดอยู่ในแนวที่พอดีไหม ถ้าหัวฉีดอุดตันให้ใช้เข็มเล็กๆ แยงเข้าไปทำความสะอาดและปรับทิศทางให้ไปแนวกึ่งกลางกระจก พร้อมเติมในถังพักน้ำให้เต็ม

10. เตรียมอุปกรณ์จำเป็นสำหรับหน้าฝน  เช่น ร่ม เสื้อกันฝน รวมถึงไฟฉาย ซึ่งควรหามาติดรถไว้เผื่อยามจำเป็น นอกจากนี้พวกอุปกรณ์ซ่อมฉุกเฉิน เช่น สเปรย์ไล่ความชื้น สายลากรถ สายพ่วงแบตเตอรี่ ไปจนถึงที่ชาร์จแบตฯมือถือ พาวเวอร์แบงค์ อุปกรณ์เหล่านี้จะจำเป็นขึ้นมาทันทีหากรถคุณเกิดไปเสียกลางฝน

การเตรียมรถให้พร้อมรับมือกับสายฝนนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แค่สละเวลาเพียงเล็กน้อย ก็ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้มากเกินคุ้มเลยทีเดียว ส่วนเรื่องประกันรถยนต์ก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เหมือนกัน เพราะประกัน รถที่ดีจะพร้อมอยู่เคียงข้างคุณเสมอไม่ว่าฝนจะตกหนักหรือมีอุปสรรคแค่ไหน ให้ Roojai.com ประกันภัยรถยนต์ออนไลน์ ดูแลรถที่คุณรัก หมดห่วงด้วยความคุ้มครองสูงสุดในราคาดีที่สุด มีบริการพิเศษ

  • เพียงซื้อประกันรถชั้น 1 ของ Roojai.com ก็ได้รับบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนฟรี 24 ชั่วโมง นาน 1 ปี
  • คุ้มครองรถเสีย รถดับบนท้องถนน ทั้งชาร์จแบตรถ เติมน้ำมันหากหมดกลางทาง หรือลากจูงให้หากรถดับ
  • หากบังเอิญรถของคุณดับหรือเสียจากน้ำท่วมถนนขึ้นมาแล้วล่ะก็ อุ่นใจได้เลย เพราะ Roojai.com จะรีบไปช่วยเหลือคุณเอง การันตีถึงที่เกิดเหตุภายใน 30 นาที
  • คุณสามารถแจ้งเหตุหรือติดต่อกับเจ้าหน้าที่ผ่าน Roojai Mobile Appได้เลย ซึ่งคุณสามารถเช็คตำแหน่งเจ้าหน้าที่แบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชันนี้ได้อีกด้วย

ซื้อประกันภัยรถยนต์ออนไลน์ กับ Roojai.com มั่นใจกว่าด้วยการรับประกันภัยจากกรุงไทยพานิชฯ บริษัทในเครือธนาคารกรุงไทย ถูกใจกว่าด้วยความคุ้มครองสูงสุดในราคาดีที่สุด การันตีคืนเงิน 100% หากคุณเจอประกันรถที่ถูกกว่าในเงื่อนไขความคุ้มครองเดียวกัน เคลมง่ายผ่านแอปพลิเคชันได้ตลอดเวลา พร้อมซ่อมอู่มาตรฐานทั่วไทยกว่า 250 แห่ง

สะดวกสบายหากซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ แค่เช็คเบี้ยออนไลน์ด้วยตัวเอง จากนั้นเลือกแผนประกันที่ตรงกับคุณโดยเฉพาะ และสุดท้ายชำระเงินผ่านช่องทางต่างๆ ได้มากมาย เท่านี้ก็คุ้มครองทันที ขับรถไปไหนก็ไร้กังวล ฝนตกหนักแค่ไหนก็ไม่หวั่น อีกทั้งยังสามารถผ่อนชำระสบายๆ 0% นานถึง 10 งวด แบบไม่บล็อควงเงินบัตรเครดิตอีกด้วย ซื้อตอนนี้มีแต่ได้ ลดค่าเบี้ยประกัน 10% เมื่อซื้อประกันรถภาคสมัครใจทุกประเภทกับ Roojai.com และระบุมีกล้องติดหน้ารถ

รักรถเต็มหัวใจ ให้ Roojai.com ดูแลประกันภัยรถยนต์ของคุณ
#RoojaiLovesCar

*ขอบคุณข้อมูลจาก : สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) EMIT_1669