Roojai

เบี้ยประกันรถยนต์ถูก-แพงขึ้นอยู่กับอะไร ทำไมแต่ละคนไม่เท่ากัน

อาชีพ | เบี้ยประกันรถยนต์ | ประกันภัยรถยนต์ | รู้ใจ

เคยสงสัยมั้ยว่า ทำไมค่าประกันภัยรถยนต์ของบริษัทเดียวกัน รถยี่ห้อเดียวกัน แต่ทำไมคนหนึ่งจ่ายในราคาต่ำกว่าอีกคนหนึ่ง ทำไมอีกคนถึงจ่ายแพงกว่า ถ้ามองเจาะลึกลงไปจะรู้ว่าการทำประกันมีปัจจัยย่อย ๆ ที่แตกต่างกัน เช่น อาชีพของผู้ทำประกัน เขตที่อยู่อาศัย พฤติกรรมการขับขี่ เป็นต้น และปัจจัยที่หลากหลายนี้เองที่ทำให้เบี้ยประกันภัยรถยนต์ของแต่ละคนไม่เท่ากัน

การออกแบบกรมธรรม์ประกันภัยและเบี้ยประกันภัยรถยนต์จะพิจารณาจาก “ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น” เมื่อสรุปยอดออกมาสำหรับใครหลายคนดูเหมือนว่าเป็นการจ่ายที่สูงมาก แต่สำหรับบางคนเบี้ยประกันกลับถูกลงอย่างน่าแปลกใจ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของ “ความเสี่ยงสำหรับการใช้รถยนต์” ของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกันทั้งสิ้น  

ดังที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้น สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการคิดอัตราเบี้ยประกันรถยนต์คือเรื่องของ “ความเสี่ยง” ซึ่งก็คือ โอกาสที่อาจทำให้รถเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุในเวลาต่าง ๆ ในแต่ละพื้นที่ แต่ละบุคคล แต่ละอาชีพ ต่างก็มีความเสี่ยงที่มากน้อยต่างกันไป รวมถึงทางเลือกทำประกันภัยรถยนต์ ทำให้การคำนวณเบี้ยประกันจะต้องอ้างอิงกับความเสี่ยงเหล่านี้

1. อายุผู้ทำประกัน

อายุของผู้ขับขี่มีผลต่อการตัดสินใจและการควบคุมรถโดยตรง เช่น ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ที่มีรถร่วมทางอยู่เป็นจำนวนมาก อาจต้องจ่ายเบี้ยประกันสูงกว่า เพราะมีความเสี่ยงจากการตัดสินใจผิดพลาดได้ง่ายกว่า ดังนั้นจึงต้องมีการเรียกเก็บเบี้ยประกันที่สูงขึ้นต่อความพร้อมในการดูแลยามเมื่อเกิดเหตุการณ์อันไม่คาดคิดเหล่านี้ 

2. อาชีพของผู้ทำประกัน

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ถือเป็นความเสี่ยงที่ต้องนำมาพิจารณาเพื่อคิดคำนวณอัตราการชำระเบี้ยประกันรถยนต์นั่นคืออาชีพ โดยอาชีพที่ว่านี้หมายถึงอาชีพที่คุณทำอยู่นั้นทำให้คุณต้องใช้งานรถอยู่บ่อยครั้งหรือใช้งานรถมากน้อยแค่ไหน 

ตัวอย่างเช่นหากผู้ใช้รถเป็นแม่บ้าน ขับรถไปเพียงแค่ซื้อของตามตลาดหรือห้างสรรพสินค้าแล้วกลับบ้านก็จะได้เบี้ยประกันที่ถูกกว่าคนที่ประกอบอาชีพพนักงานขับรถรับส่งสินค้าที่ความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไปเพราะพวกเขาใช้รถบ่อยกว่า ในบางกรณีอาจต้องมีการขอทำประกันภัยรถยนต์ประเภทพิเศษที่เรียกว่า “การทำประกันสำหรับผู้ขับขี่หลายคน” เพื่อให้ครอบคลุมถึงการดูแลทั้งหมด หากว่าคุณจำเป็นต้องให้คนอื่นมาขับรถสำหรับการขนส่งสินค้าแทน

เบี้ยประกัน | อาชีพ | อายุ | ประกันภัยรถยนต์ | รู้ใจ

3. ประวัติการขับขี่

อีกหนึ่งข้อมูลสำคัญที่ถูกนำมาพิจารณาในการคิดคำนวณอัตราเบี้ยประกันรถยนต์คือ ประวัติการขับขี่รถทั้งในส่วนของบุคคลผู้ทำประกันภัยรถยนต์และประวัติการใช้รถในแต่ละปี นั่นคือหากคุณมีการยื่นเรื่องเคลมประกันรถยนต์อยู่บ่อยครั้ง สำหรับบริษัทประกันภัยนั่นหมายถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดอุบัติเหตุได้มาก ดังนั้นอัตราค่าชำระเบี้ยประกันจึงต้องสูงตามไปด้วย และรวมไปถึงประวัติของรถที่ผ่านมาว่ามีการเคลมประกันหรือเกิดอุบัติเหตุในรูปแบบหนึ่งรูปแบบใด หากเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในรูปแบบเดิม ๆ วนเวียนไปมาอยู่หลายครั้ง การคิดคำนวณอัตราเบี้ยประกันจะสูงตามขึ้นไปอีก และบางแห่งอาจถึงกับไม่รับรถคันนี้เลยก็ได้

4. ค่าเสียหายส่วนแรก

สำหรับรายละเอียดในส่วนนี้เป็นส่วนที่มักละเลยไม่ได้ตรวจสอบกันให้ดี จนกระทั่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นมา เจ้าของรถถูกเรียกเก็บค่ารับผิดชอบส่วนแรกจึงเกิดความสงสัยว่า เมื่อจ่ายชำระค่าประกันภัยรถยนต์ไปแล้วทำไมถึงยังต้องถูกเรียกเก็บอีก ในความเป็นจริงแล้วค่ารับผิดชอบส่วนแรกจะอยู่ในกรมธรรม์ประกันภัยทุกฉบับอยู่แล้ว ดังนั้นต้องทบทวนให้ดีว่าเราต้องจ่ายเสียค่าเสียหายส่วนแรกเท่าไหร่ เพราะยิ่งเราจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกสูง เบี้ยประกันก็จะถูกลง แต่หากเราเลือกไม่จ่ายค่าเสียหายส่วนแรกแน่นอนว่าเบี้ยประกันก็จะแพงกว่านั่นเอง

5. ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก

อีกหนึ่งส่วนผู้ขอทำประกันต้องดูรายละเอียดส่วนนี้ให้ดีว่าการทำประกันของคุณมีความคุ้มครองในส่วนนี้หรือไม่และมีเท่าไหร่ เพราะเบี้ยประกันที่ถูกลงอาจเป็นเพราะลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ซึ่งเป็นค่าชดเชยให้กับบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากการเกิดอุบัติเหตุเมื่อคุณเป็นฝ่ายผิด หากความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอกไม่ครอบคลุม อาจทำให้คุณต้องออกค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเอง

6. วงเงินคุ้มครองในกรมธรรม์ประกันภัยทั้งหมด

อีกหนึ่งปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดอัตราเบี้ยประกันต่อหนึ่งกรมธรรม์ประกันภัยที่ไม่เหมือนกัน นั่นคือวงเงินคุ้มครองสูงสุดที่คุณซื้อเอาไว้มีมากน้อยแค่ไหน วงเงินคุ้มครองเป็นสิ่งสำคัญมาก นั่นคือหากเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ขึ้นมา ทางบริษัทประกันภัยรถยนต์จะจ่ายค่าสินไหมให้ก็จริง แต่ยอดรวมทั้งหมดจะไม่เกินวงเงินคุ้มครองในกรมธรรม์ประกันภัยนั่นเอง เช่นหากเกิดอุบัติเหตุที่มีมูลค่ารวมทั้งหมดที่ต้องจ่าย 200,000 บาท แต่วงเงินคุ้มครองสำหรับการทำประกันมีเพียง 100,000 บาทเท่านั้น ในกรณีนี้ผู้เป็นเจ้าของรถยังคงต้องแบกภาระในการหาเงินส่วนต่างมาชำระ ทั้งหมดนั่นเอง

ประกันภัยรถยนต์เป็นเรื่องของรายละเอียดที่เราต้องใส่ใจมาก ๆ ไม่สามารถดูแค่จากเบี้ยประกันที่ถูก เพราะมันอาจหมายถึงค่าส่วนต่างที่คุณต้องจ่ายเองเพิ่มเติม แทนที่จะประหยัดลงกลับแพงขึ้นก็ได้ ที่รู้ใจ ประกันออนไลน์ มีประกันรถยนต์ที่พร้อมดูแลคุณ ปรับแต่งแผนความคุ้มครองตามใจ แถมช่วยประหยัดสูงสุดถึง 30% ให้คุณอุ่นใจได้ เดินทางไปทุกที่ที่ต้องการไม่มีสะดุด

สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)