Roojai

รู้ใจมีประกันภัยรถกระบะด้วยนะ รู้ยัง

รู้ใจมีประกันภัยรถกระบะด้วยนะ รู้ยัง

 

ที่ Roojai ไม่ได้มีประกันภัยสำหรับรถยนต์นั่งและรถอเนกประสงค์ MPV, SUV และ Crossover เท่านั้น แต่ยังมีประกันภัยรถยนต์สำหรับรถกระบะด้วย หรือบอกให้เข้าใจกันง่ายๆ ก็คือ มีประกันภัยสำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลทุกประเภท ไม่ได้มีแต่เฉพาะรถเก๋งเหมือนกับบางที่

อ่านเพิ่มเติม: กระบะมือสอง รุ่นไหนน่าใช้สุด?

รถกระบะเป็นรถที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากเพราะจะใช้เพื่อการเดินทางก็ได้ ใช้เป็นรถครอบครัวก็ดี และที่สำคัญใช้ในการประกอบอาชีพด้วย เหตุนี้ผู้ผลิตรถยนต์ทุกค่ายต่างก็มีรถกระบะเป็นผลิตภัณฑ์หรือทางเลือกให้กับผู้ใช้รถ เมื่อเป็นอย่างนั้น Roojai จะไม่เตรียมประกันภัยรถยนต์ไว้รองรับได้อย่างไร

รถกระบะแบ่งได้ 3 ประเภทหลักๆ คือ รถกระบะตอนเดียว รถกระบะ 2 ตอนที่นิยมเรียกว่า “แค็บ” และรถกระบะ 4 ประตู Roojai จะลองคำนวณเบี้ยให้ดูกันว่ารถกระบะแค็บกับรถกระบะ 4 ประตูซึ่งได้รับความนิยมใช้งานอย่างกว้างขวางมีค่าเบี้ยอยู่ที่ประมาณเท่าไร

ยกตัวอย่างจากรถกระบะ Toyota Hilux Revo ซึ่งคำนวณค่าเบี้ยผ่านทางเว็บไซต์ของ Roojai ที่ผู้ใช้รถทุกคนสามารถระบุข้อมูลและเงื่อนไขของประกันภัยที่ต้องการได้ด้วยตัวเอง จากการคำนวณของ Roojai กับค่าเบี้ยของ Toyota Hilux Revo 2D (แค็บ) ต่อปีอยู่ที่ประมาณ 13,159 บาท ได้รับทุนประกัน 680,000 บาท

SUV

สำหรับ Toyota Hilux Revo 4D (4 ประตู) ค่าเบี้ยยิ่งถูก ถูกกว่ารุ่น 2 ประตูหรือแค็บเสียอีก มีค่าเบี้ยต่อปีอยู่ที่ประมาณ 12,462 บาท แถมยังได้รับทุนประกันสูงกว่าอยู่ที่ 760,000 บาท

SUV

จะซื้อประกันภัยทั้งทีเชื่อว่าใครๆ ก็ต้องเปรียบเทียบอย่างน้อยก็สัก 2-3 ที่เพื่อพิจารณาว่าที่ไหนให้ราคาดีที่สุดรวมถึงเรื่องของการบริการด้วย หากลองตรวจสอบค่าเบี้ยที่เว็บไซต์ GoBear จะเห็นว่าค่าเบี้ยของที่อื่นจะอยู่ที่ประมาณ 18,700 – 22,800 บาท ค่าเบี้ยสูงกว่าแต่ทุนประกันที่ได้รับไม่ต่างจาก Roojai เลย

SUV

เพื่อความสะดวกในการซื้อประกันภัยรถยนต์ ที่ Roojai ยังมีแคมเปญพิเศษให้ผู้ใช้รถผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิต 0% ได้นานถึง 10 เดือน จากตัวอย่างหากเลือกผ่อนชำระค่าเบี้ยที่ต้องจ่ายจะตกเดือนละ 1,038 บาทแค่นั้นเอง

SUV

ถูกและดีมีแน่นอน เพราะ Roojai รู้ดีว่าการมีค่าเบี้ยถูกไม่ใช่สิ่งที่ลูกค้าต้องการเสมอไป เพราะถ้าค่าเบี้ยถูกแต่บริการไม่ดี ติดต่อยาก การซ่อมล่าช้า ไม่จริงใจกับผู้ใช้รถก็ไม่มีประโยชน์ เพราะผู้ใช้รถคงซื้อแค่ครั้งเดียวและไม่ซื้อปีต่อไปอย่างแน่นอน นอกจากนั้นอาจบอกต่อถึงความไม่พึงพอใจให้กับผู้ใช้รถคนอื่นๆ อีกด้วย เป็นความเสียหายที่ Roojai ตระหนักดี

ดังนั้นนอกจากการมอบค่าเบี้ยราคาพิเศษให้กับผู้ใช้รถแล้ว เรื่องของบริการ Roojai ก็ตระเตรียมไว้อย่างดีเช่นกัน มีศูนย์บริการและอู่ซ่อมมาตรฐานในเครือกว่า 250 แห่งทั่วประเทศ ในการรับแจ้งและจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปยังจุดเกิดเหตุถ้าเป็นพื้นที่กรุงเทพ ปริมณฑล และอำเมืองในต่างจังหวัดการันตีถึงที่หมายภายใน 30 นาที

ผู้ใช้รถสามารถติดตามการเดินทางของทั้งเจ้าหน้าที่เคลมหรือช่างที่จะเดินทางไปให้การช่วยเหลือฉุกเฉินได้แบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชัน Roojai Mobile App ดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งผู้ใช้สมาร์ทโฟน Android และ iOS พร้อมกันนั้นเจ้าหน้าที่เองก็สามารถทราบตำแหน่งของผู้ใช้รถได้ผ่านแอปพลิเคชันนี้เช่นกัน ไม่ต้องเสียเวลาสอบถามและบอกทางกันให้วุ่นวาย