Roojai

เคล็ดลับ ฉีดโบท็อกซ์ให้สลายช้าที่สุด วิธีดูแลก่อน-หลังฉีด

ก่อนฉีดโบท็อก | เตรียมตัวฉีดโบท็อก | ประกันโรคร้ายแรง | รู้ใจ

ทราบหรือไม่ว่าโบท็อกซ์ที่เราฉีดเพื่อความสวยความงาม ถูกนำมาใช้ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อการรักษาโรค วันนี้รู้ใจพาเจาะลึกโบท็อกซ์ พร้อมกับทริคก่อนและหลังฉีดโบท็อกซ์ควรเตรียมตัวยังไงให้ปลอดภัยและรักษาฤทธิ์ของโบท็อกซ์ให้นานที่สุด

โบท็อกซ์ เป็นชื่อทางการค้าของบริษัท Allergan ซึ่งสกัดจากสาร Botulinum Toxin โดย Botulism แปลว่า โรคพิษที่มาจากไส้กรอก ใช่แล้ว! โบท็อกซ์มีมาตั้งแต่สมัยนโปเลียน โดยค้นพบสารพิษมาจากการกินไส้กรอกแล้วไม่สบายจนเป็นอัมพาต และยังมีการค้นพบว่าโบท็อกซ์เพื่อความสวยงามในปัจจุบัน สมัยก่อนถูกนำมาใช้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 

  • ในปี 1989 FDA ได้อนุมัติให้สามารถนำโบท็อกซ์มาใช้รักษาอาการตาเหล่ ตาเข หนังตากระตุก
  • ในปี 2002 FDA ได้อนุมัติให้นำโบท็อกซ์มาใช้ด้านความงาม ลดรอยเหี่ยวย่นต่าง ๆ จนมาถึงในปัจจุบัน

ปัจจุบันนอกจากจะใช้โบท็อกซ์เพื่อช่วยลดรอยเหี่ยวย่น ตีนกาบนใบหน้าแล้ว โบท็อกซ์ยังสามารถนำมาใช้ฉีดเพื่อปรับรูปหน้าให้เรียว สวย ได้รูป และนอกจากนี้ยังนำโบท็อกซ์มาฉีดเพื่อระงับกลิ่นเหงื่อบริเวณรักแร้อีกด้วย โบท็อกซ์ยังมีข้อดีอีกหลายข้อ วันนี้ รู้ใจนำข้อมูลที่มีประโยชน์ที่ควรรู้ก่อน-หลังฉีดโบท็อกซ์ควรทำยังไง

โบท็อกซ์ทำงานยังไง?

หลังจากที่เราฉีดโบท็อกซ์ สาร Botulinum Toxin A จะเข้าไปทำให้เซลล์ประสาทบริเวณกล้ามเนื้อที่เราฉีดหยุดหลั่งสารสื่อประสาท ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นหดตัว ชา และตึงจนไม่สามารถขยับได้ หลังจากนั้นกล้ามเนื้อส่วนที่ฉีดจะค่อย ๆ คลายตัวออกมาและทำให้ร่องลึกบนใบหน้าดูจางลง โดยระยะเวลาขึ้นอยู่กับแต่ละคน เช่น บางคนหลังฉีดไป 3 – 4 วัน หน้าเริ่มไม่มีริ้วรอย และเมื่อครบ 2 สัปดาห์ ช่วงที่โบท็อกซ์ทำงานเต็มที่ รอยลดลงจะอย่างมาก และร่องลึกต่าง ๆ ดูตื้นขึ้น ผิวเต่งตึงมากขึ้น ทำให้หน้าดูเด็กลง ตัวโบท็อกซ์นี้จะค่อย ๆ จางหายไป หลังจากฉีด 3 – 6 เดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่เราฉีดเข้าไป

ก่อน-หลังฉีดโบท็อก | ประกันโรคร้าย | แรงรู้ใจ

โบท็อกซ์มีกี่ยี่ห้อ?

ยี่ห้อและประสิทธิภาพของโบท็อกซ์ จะแตกต่างกันตามประเทศผู้ผลิต 

  1. Allergan จากสหรัฐอเมริกา – เป็นโบท็อกซ์ที่ผลิตขึ้นที่ประเทศอเมริกา มีงานวิจัยออกมารองรับเป็นจำนวนมาก โอกาสในการดื้อยามีน้อยมาก มีการออกฤทธิ์ที่กระจายตัวแคบจึงสามารถควบคุมการฉีดได้อย่างแม่นยำ แต่ต้องฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น หากเป็นหมอเถื่อนที่ไม่มีความชำนาญผลลัพธ์ที่ได้คือหน้าแข็ง ยิ้มแข็ง ตาแข็งหรือมีปัญหาคิ้วกระดก แก้มตอบ เป็นต้น ออกฤทธิ์ประมาณ 5 – 6 เดือนแล้วจากนั้นโบท็อกซ์จะค่อย ๆ สลายไป 
  2. Dysport จากประเทศอังกฤษ – เป็นโบท็อกซ์ที่ผลิตที่ประเทศอังกฤษ จุดเด่นคือ มีการกระจายตัวได้ดี เหมาะสำหรับใช้ฉีดบริเวณกว้าง เช่น ฉีดลดเหงื่อบริเวณรักแร้ ฉีดลดต้นแขน หรือฉีดเพื่อลดน่องปูดให้เข้ารูป
  3. Xeomin จากประเทศเยอรมนี – ผลิตในประเทศเยอรมัน จุดเด่นคือการนำโปรตีนขนาดใหญ่ที่ไม่จำเป็นออก ทำให้เหลือเฉพาะ Botulinum Toxin A บริสุทธิ์ ทำให้มีโมเลกุลเล็กฉีดแล้วไม่กระจุกตัวแคบเกินไป เหมาะสำหรับคนที่ฉีดโบท็อกซ์จนมีอาการดื้อยา มีราคาแพงพอ ๆ กับโบท็อกซ์จากอเมริกา 
  4. Neuronox จากประเทศเกาหลี – ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับของอเมริกาได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในบ้านเรา เนื่องจากมีการกระจายตัวยาได้แม่นยำ แต่มีราคาถูกกว่าครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับของอเมริกา และแน่นอนว่าระยะเวลาในการออกฤทธิ์ก็สั้นกว่าของอเมริกา คือประมาณ 3 – 4 เดือน 

ก่อนฉีดโบท็อกซ์เตรียมตัวยังไง?

  1. สุขภาพต้องแข็งแรง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก่อนการมาฉีด
  2. หากมีการรับประทานยาและอาหารเสริม เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี สารสกัดใบแปะก๊วย ยาสลายลิ่มเลือดยากลุ่มแอสไพริน ยากลดอาการอักเสบ NSAID ควรงดก่อนการมาฉีดอย่างน้อย 5 วันเพราะจะทำให้เลือดหยุดช้าและอาจเกิดรอยช้ำบริเวณที่ฉีดได้
  3. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 7 วันก่อนฉีด
  4. ไม่อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

หลังฉีดโบท็อกซ์ห้ามทำอะไรบ้าง?

  1. งดการนอนราบ งดสัมผัสบริเวณที่ฉีดอย่างน้อย 3 – 4 ชั่วโมง
  2. หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์หน้า ซาวน่า การออกกำลังกายที่หนักเกินไป หรือกิจกรรมใด ๆ ที่ทำให้เกิดความร้อนบริเวณหน้า 
  3. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และหลีกเลี่ยงอาหารปิ้งย่าง ชาบูหน้าเตาร้อน ๆ อาหารรสเผ็ด อาหารหมักดอง 

สิ่งที่ควรทำหลังฉีดโบท็อกซ์

  1. ควรบริหารกล้ามเนื้อบริเวณที่ทำการฉีด เช่น หากฉีดบริเวณหน้าผาก ควรเลิกหน้าผากขึ้น – ลง หลังฉีดทันที 1 – 2 ครั้ง และให้บริหารกล้ามเนื้อบริเวณนั้นไปเรื่อย ๆ เป็นเวลา 30 นาที เพื่อให้ยากระจายตัว และเซลล์ประสาทดูดซึมโบท็อกซ์ไปได้มากที่สุด
  2. ควรรับประทาน Zinc 50 mg ทั้งก่อนและหลังการฉีดเพื่อช่วยให้โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ได้นานขึ้น
  3. ฉีดโบท็อกซ์อย่างต่อเนื่องในระยะเวลาที่เหมาะสมคือไม่ควรฉีดถี่เกินไป และไม่ควรเว้นระยะห่างมากเกินไป ระยะเวลาที่แพทย์เเนะนำคือทุก 5 – 6 เดือน 

ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อควรรู้ก่อนและหลังการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อความปลอดภัยและให้เห็นผลลัพธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดให้คุ้มค่ากับเงินที่เราจ่ายไป นอกจากนั้นการเลือกฉีดโบท็อกซ์กับคลินิกหรือสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ ฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็เป็นเรื่องสำคัญเพื่อผลลัพธ์ที่ดี หลีกเลี่ยงผลข้างเคียงโบท็อกซ์ และความปลอดภัยที่สุดของคุณ

สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)