Roojai

ขับรถตกน้ำ น้ำท่วมรถ เคลมได้มั้ย? แบบไหนประกันไม่คุ้มครอง

รถจมน้ำ | น้ำท่วม | ประกันรถยนต์ชั้น 1 | รู้ใจ

หนึ่งในเรื่องที่เจ้าของรถทุกคนต้องเตรียมการและสร้างความเข้าใจเอาไว้สำหรับการยื่นเรื่องเคลมประกันรถยนต์ นั่นคือเรื่องของ “รถจมน้ำ” ไม่ว่าจะเป็นกรณีของอุบัติเหตุขับรถตกน้ำหรือแม้กระทั่งน้ำท่วมเข้ามาในรถยามฝนตกหนัก คำถามที่ตามมาคือ ประกันจ่ายไหม รู้ใจจะพาคุณถอดรหัสกันให้เห็นชัด ๆ ว่า หากมีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นมา ท่านเจ้าของรถจะรับมือกับสถานการณ์เหล่านี้อย่างไร และบริษัทประกันจะให้ความช่วยเหลือได้ในกรณีใดบ้าง ไปดูคำตอบพร้อม ๆ กันเลย 

รถจมน้ำมีแบบไหนบ้าง?

ฤดูฝนมักมีเหตุน้ำท่วมขังในที่ต่าง ๆ จนเป็นเหตุให้เกิดน้ำไหลเข้าท่วมรถตามมา และนอกจากนั้นยังมีเหตุอื่น ๆ ที่อาจเป็นตัวการทำให้รถจมน้ำไปได้ มาดูกันว่าเหตุการณ์รถจมน้ำที่พบเห็นกันอยู่ในปัจจุบันมีสาเหตุมาจากอะไรกันบ้าง 

1. รถจมน้ำจากอุบัติเหตุ

สิ่งที่พบเห็นเป็นข่าวกันอยู่บ่อย ๆ คือ มีนักขับหลายท่านประสบอุบัติเหตุ เช่น การไม่สามารถควบคุมรถได้ จะด้วยปัญหาจากตัวรถเองหรือจากตัวคนขับจนกระทั่งรถวิ่งออกนอกเส้นทางและตกลงไปในน้ำ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกรณีที่มีการพูดถึงกันเป็นอย่างมากว่าประกันจะช่วยดูแลแค่ไหน เพราะในกรณีแบบนี้รถมักจมลงไปใต้น้ำหมดทั้งคันมีความเสียหายในหลายส่วนของตัวรถ

2. รถจมน้ำจากน้ำท่วมระหว่างการเดินทาง

อีกหนึ่งสาเหตุที่พบอยู่เสมอเมื่อมีผู้ยื่นเรื่องขอเคลมประกันรถในช่วงฤดูฝน คือการที่เกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติในพื้นที่ที่ผู้ขับขี่รถกำลังเดินทางอยู่ และในพื้นที่นั้นกลายเป็นพื้นที่รถติดกะทันหันจนไม่สามารถพารถออกมาจากสถานการณ์ตรงนั้นได้ รวมไปถึงการที่ผู้ขับรถบางคนเลือกที่จะขับรถลุยน้ำเข้าไปในเส้นทางที่เกิดน้ำท่วม ในกรณีนี้เช่นนี้ทางบริษัทประกันจะให้ความช่วยเหลือในการเคลมประกันหรือไม่

น้ำท่วมรถ | เคลมประกันรถยนต์ | รู้ใจ

3. รถจมน้ำจากน้ำท่วมบ้าน

หากจอดรถไว้อยู่ที่บ้านแล้วเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและไม่สามารถนำรถออกมาจากพื้นที่ได้ทัน ในกรณีเช่นนี้จะเคลมประกันได้มั้ย หากมีความเสียหายเหล่านี้เกิดขึ้นมาจะมีความช่วยเหลืออย่างไรสำหรับผู้ทำประกันบ้าง

รถจมน้ำเคลมประกันได้ไหม?

จะเห็นได้ว่ามีเหตุและปัจจัยหลากหลายรูปแบบสำหรับกรณีการเกิดเหตุรถจมน้ำ ซึ่งบริษัทประกันในแต่ละแห่งจะมีข้อบังคับหรือรูปแบบการพิจารณาที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะยังคงมีมาตรฐานสำหรับการจัดการอย่างเดียวกัน  สามารถแจกแจงกรณีการให้ความช่วยเหลือและการเคลมประกันในรูปแบบต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ 

1. เคลมประกันรถจมน้ำจากอุบัติเหตุ

ในกรณีของการเกิดอุบัติเหตุรถออกนอกเส้นทางและเป็นเหตุให้รถจมน้ำไปด้วยทางบริษัทประกันพร้อมให้ความดูแลอย่างเต็มที่ ตามแต่รูปแบบของกรมธรรม์ที่ท่านเจ้าของรถได้ซื้อเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1 เรียกว่าสบายใจหายห่วงกันไปได้เลย แต่ถึงกระนั้นการดูแลการประกันภัยจะต้องมาดูรายละเอียดของอุปกรณ์บางอย่างที่อาจอยู่นอกเหนือจากการประกัน รวมไปถึงวงเงินทุนประกันสำหรับการซ่อมแซม

2. เคลมประกันรถจมน้ำระหว่างการเดินทาง

อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้เจ้าของรถพากันหวั่นวิตกว่าประกันจะให้ความช่วยเหลือหรือไม่ คือการที่รถของคุณถูกน้ำท่วมฉับพลันเข้าท่วมในตัวรถระหว่างการเดินทาง ในกรณีเช่นนี้ขึ้นอยู่กับความคุ้มครองประเภทของกรมธรรม์ที่คุณเลือก หากคุณเลือกประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็หมดห่วงได้เลย เพราะบริษัทประกันรับเคลมให้ด้วยเช่นกัน แต่คุณต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าไม่ได้เป็นคนพารถเข้าไปในพื้นที่น้ำท่วมขังเอง หรือเป็นความตั้งใจที่ตั้งอยู่ในความประมาทเลินเล่อจนเป็นเหตุที่ทำให้น้ำท่วมรถ เช่น หากคุณรู้อยู่แล้วว่าคุณใช้รถเก๋งส่วนบุคคลขนาดเล็ก แต่ยังดึงดันที่จะขับรถเข้าไปในพื้นที่น้ำท่วมขังสูง ในกรณีเช่นนี้ทางบริษัทจะสงวนสิทธิ์ไม่รับทำเรื่องการเคลมประกันในทุกกรณี

3. เคลมประกันรถจมน้ำขณะจอดอยู่ที่บ้าน

ในกรณีน้ำหลากฉับพลัน เช่นตามพื้นที่เขาสูงทางภาคเหนือเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก ในกรณีเช่นนี้หากคุณทำประกันภัยที่มีความคุ้มครองน้ำท่วมรถ ทางบริษัทประกันจะเข้ามาดูแลความเสียหายให้อย่างแน่นอน แต่ถ้าเป็นกรณีที่มีการเตือนแล้วแต่ไม่มีการนำรถออกมาจากพื้นที่ก่อน แน่นอนว่าทางบริษัทไม่อาจรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยจะใช้หลักการเดียวกันกับการพิจารณาน้ำท่วมระหว่างการขับรถว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยเหตุสุดวิสัยหรือความประมาทเลินเล่อของผู้เป็นเจ้าของเอง

หากรถเสียหายจนซ่อมไม่ได้ ประกันเคลมให้มั้ย?

เมื่อสามารถกู้รถขึ้นมาจากน้ำได้แล้ว และทางบริษัทประกันจะมาทำการประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถที่จมน้ำ ซึ่งในขั้นตอนนี้ท่านเจ้าของรถจะได้ยินคำศัพท์ด้านการประกันอยู่สองคำได้แก่ “ความเสียหายอย่างสิ้นเชิง” กับ “เสียหายแต่ไม่สิ้นเชิง” คำสองคำนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร รู้ใจขออธิบายเพื่อให้ได้มองเห็นภาพอย่างชัดเจนดังต่อไปนี้ 

ความเสียหายอย่างสิ้นเชิงคืออะไร?

สำหรับกรณีที่บริษัทประกันเข้ามาตรวจสอบความเสียหายของรถที่เกิดขึ้นจากการจมน้ำ ไม่ว่าจะเป็นจากอุบัติเหตุหรือจากน้ำท่วมฉับพลัน เมื่อทางบริษัทเห็นว่าการซ่อมแซมรถนั้นเป็นไปได้น้อยมากหรือไม่คุ้มค่าต่อการซ่อมแซม โดยจะคิดคำนวณจากการซ่อมที่เกินกว่าเงินทุนประกัน 70 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ทางบริษัทจะแจ้งการเคลมประกันว่าเป็นกรณี “ความเสียหายอย่างสิ้นเชิง” บริษัทมีหน้าที่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยเต็มจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ โดยจะจ่ายให้กับผู้รับผลประโยชน์ที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์นั่นเอง

นอกจากนั้นยังมีในส่วนของรายละเอียดปลีกย่อยจากส่วนของทุนประกัน นั่นคือหากเจ้าของรถทำทุนประกันเอาไว้มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่ารถ เมื่อเกิดเหตุทางบริษัทจะคืนเงินในส่วนของทุนประกันให้เต็มจำนวน เช่นทำทุนประกันเอาไว้ที่ 8 แสนบาทสำหรับรถราคา 1 ล้านบาท เจ้าของรถจะได้เงินชดเชยค่าความเสียหายที่ 8 แสนบาท แต่บริษัทประกันจะเป็นเจ้าของซากรถคันนั้น แต่ถ้าหากทำประกันด้วยทุนที่ต่ำกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่ารถในกรณีเช่นนี้ทางเจ้าของรถจะได้เงินคืนตามจำนวนทุนประกันพร้อมกับซากรถให้แก่เจ้าของรถ

ความเสียหายไม่สิ้นเชิงคืออะไร?

ในกรณีเกิดน้ำท่วมและรถสามารถซ่อมแซมได้ ทางบริษัทประกันภัยจะรับเคลมประกันตามค่าซ่อมรถ โดยไม่เกินจำนวนทุนประกันและความคุ้มครองที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ และสำหรับอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เจ้าของรถนำมาติดตั้งภายหลังการจัดการเรื่องกรมธรรม์แล้ว เช่น เครื่องเสียงหรืออุปกรณ์ประดับยนต์ที่เปลี่ยนใหม่จะถือว่าอยู่นอกเหนือความคุ้มครอง

รถจมน้ำเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด ยิ่งในฤดูฝนยิ่งเสี่ยง แต่หากมีประกันรถยนต์ ก็ช่วยให้คุณอุ่นใจได้ ดังนั้นการมองหาประกันภัยที่พร้อมดูแลคุณในทุกเหตุการณ์จึงเป็นเรื่องจำเป็น ที่รู้ใจมีประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่พร้อมดูแลคุณเมื่อเกิดเหตุรถจมน้ำหรือน้ำท่วมรถ รวมถึงการเกิดอุบัติเหตุรถชนและเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ให้คุณสบายใจ อุ่นใจได้ในทุกเส้นทาง 

สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)