Roojai

8 ทริคทำให้แอร์รถยนต์เย็นฉ่ำ แถมยืดอายุการใช้งาน ใครก็ทำได้!

แอร์รถยนต์ | แอร์รถไม่เย็น | ประกันรถมอเตอร์ไซค์ | รู้ใจ

ระบบปรับอากาศภายในรถเป็นอีกหนึ่งระบบที่ต้องดูแลเอาใจใส่อยู่ตลอดเวลาเพื่อให้การทำงานนั้นเต็มประสิทธิภาพ ทั้งเพื่อระบายอากาศและมอบความเย็นสดชื่นให้กับทุกคนที่อยู่ในรถ ดังนั้นการเรียนรู้วิธีทำให้แอร์รถยนต์เย็นฉ่ำจึงเป็นเรื่องที่เจ้าของรถทุกคนต้องดูแลเอาใจใส่ให้ระบบปรับอากาศของรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

  1. ปิด A/C ก่อนสตาร์ทรถ
  2. ไล่ลมร้อนก่อนจะเปิด A/C
  3. ถ้าแอร์เย็นเกินไป อย่าปิดแอร์
  4. ปิดปุ่ม A/C ก่อนดับเครื่อง
  5. นำรถยนต์เข้าตรวจเช็คตามระยะอยู่เสมอ
  6. หมั่นตรวจสอบน้ำยาแอร์อยู่เสมอ
  7. รักษาความสะอาดในห้องโดยสาร
  8. แอร์รถไม่เย็น มีแต่ลม ทำยังไงดี?

ระบบแอร์รถยนต์ เป็นระบบการทำงานในรูปแบบของการอัดไอหรือก๊าซ โดยอาศัยระบบคอมเพรสเซอร์ (Compressor) ตัวคอมเพรสเซอร์นี้จะทำหน้าที่ดูดสารทำความเย็นจากตู้แอร์รถยนต์ (Evaporator) หรือแผงแอร์ ทำหน้าที่อัดสารทำความเย็นออกไปยังคอนเดนเซอร์ (Condenser) ระบบนี้จะทำหน้าที่ลดอุณหภูมิภายนอกลงและนำอากาศเย็นสู่ภายในรถ ทำให้รถเย็นขึ้น ระบบนี้ยังคงทำงานร่วมกับพัดลมระบายอากาศภายในรถเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและระบายอาการให้สม่ำเสมอ

เมื่อเข้าใจถึงระบบพื้นฐานในการทำงานของแอร์แล้ว เราจะรู้เลยว่าระบบแอร์มีความสัมพันธ์กันทั้งการทำงานของพัดลมระบายอากาศและระบมแอร์ทั้งหมด การใช้งานแอร์ให้เหมาะสมตามสถานการณ์จะเป็นตัวช่วยทำให้แอร์ไม่ทำงานหนักและเย็นเร็วขึ้น รู้ใจมีเทคนิคสำหรับการใช้งานแอร์ให้เต็มประสิทธิภาพ พร้อมยืดอายุการใช้งานของแอร์ให้ยาวนานออกไปด้วย เมื่อไหร่ที่ควรล้างแอร์รถยนต์ แอร์รถไม่เย็น มีแต่ลมควรทำไงดี รู้ใจรวมทุกคำตอบ ด้านล่างนี้เลย

1. ปิด A/C ก่อนสตาร์ทรถ

เมื่อเราเผชิญสภาวะอากาศร้อนจากภายนอก พอมาถึงรถต้องเปิดแอร์แบบเต็มสปีดเพื่อให้รถนั้นเย็นเร็วขึ้น แต่ความเป็นจริงแล้วเป็นการทำร้ายระบบแอร์รถยนต์อย่างรุนแรง เพราะในขณะที่อากาศร้อนจัด รถความร้อนขึ้น แอร์ไม่เย็น และทำงานหนักมากขึ้น

ผู้ช่วยสำคัญที่คุณควรทำความรู้จักคือปุ่ม A/C ปุ่มในรถยนต์ปุ่มนี้จะทำหน้าที่เปิด-ปิดการไหลเวียนของระบบหล่อเย็นสำหรับทำอากาศเย็นภายในห้องโดยสาร หลักการสำคัญในการดูแลแอร์ผ่านทางการใช้งานปุ่มนี้ คือ ทุกครั้งที่สตาร์ทรถให้กดปุ่มปิด A/C เสียก่อน เพื่อไม่ให้คอมเพรสเซอร์กระชากไฟรถขณะสตาร์ท เป็นการถนอมการทำงานระบบแอร์และระบบสตาร์ทไปในตัว

2. ไล่ลมร้อนก่อนจะเปิด A/C

หากสตาร์ทรถเรียบร้อยแล้ว เมื่อเปิดแอร์ไม่ควรกดปุ่ม A/C ในทันที ควรปล่อยให้พัดลมระบายอากาศทำหน้าที่ไหลเวียนอากาศภายในรถเสียก่อน นั่นเป็นเพราะในรถยังคงมีมวลอากาศร้อนไหลเวียนอยู่ในระบบแอร์ การเปิดปุ่มทำความเย็นในทันที จะทำให้แอร์ทำงานหนักมาก แถมยังทำให้รถใช้พลังงานที่สูงขึ้นเป็นการสิ้นเปลืองน้ำมันไปอีกด้วย

สิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำ คือเมื่อสตาร์ทรถแล้วควรทำการปิดปุ่ม A/C ไว้เพื่อเปิดให้ระบบพัดลมระบายอากาศให้ระบายอากาศร้อนออกไปก่อน รวมถึงการเปิดกระจกรอบคันรถเพื่อช่วยไล่อากาศร้อนออกไปได้ด้วยเช่นกัน

ล้างแอร์รถยนต์ | แอร์รถไม่เย็น | ประกันรถมอเตอร์ไซค์ | รู้ใจ

3. ถ้าแอร์เย็นเกินไป อย่าปิดแอร์

สำหรับรถที่ดูแลระบบแอร์เป็นอย่างดีและพร้อมใช้งานตลอดเวลา สตาร์ทรถและเปิดแอร์ก็ทำความเย็นได้ทั่วทั้งคัน แต่บางครั้งแอร์ก็เย็นเกินไปควรทำอย่างไร หลายคนเลือกที่จะปิดช่องแอร์ซึ่งเป็นวิธีที่ผิด เพราะจะทำให้ช่องแอร์ตันเร็วจากฝุ่นละอองที่ถูกความเย็นแช่ให้แข็ง วิธีการดีที่สุดสำหรับการแก้ไขปัญหานี้คือ การปรับแอร์ให้เย็นลดลง ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมตามความต้องการ นอกจากจะยังรักษาการไหลเวียนของอากาศแล้ว ยังเป็นการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับระบบคอมเพรสเซอร์ได้

4. ปิดปุ่ม A/C ก่อนดับเครื่อง

วิธีการง่าย ๆ ที่ยืดอายุการใช้งานของระบบแอร์รถยนต์และทำให้แอร์มีความเย็นคงที่สม่ำเสมอ นั่นคือก่อนถึงจุดหมายปลายทางประมาณ 5-10 นาที ควรกดปุ่มปิดสวิตซ์ A/C ตัดระบบทำความเย็น และปล่อยให้ระบบพัดลมทำงานขับเคลื่อนไหลเวียนอากาศภายในห้องโดยสาร วิธีการนี้เป็นการลดภาระการทำงานของเครื่องคอมเพรสเซอร์ อีกทั้งเป็นการไล่ความชื้นออกจากระบบแอร์ก่อนดับเครื่องรถ และยังป็นการป้องกันการสะสมของเชื้อรา แบคทีเรีย ฝุ่นละอองอันเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นอับชื้นในช่องแอร์อีกด้วย

5. นำรถยนต์เข้าตรวจเช็คตามระยะอยู่เสมอ

ยิ่งคุณใช้รถนานและบ่อย ยิ่งควรนำรถเข้าทำการตรวจสอบสภาพในทุกเวลา หากประมาณกันแบบง่าย ๆ คือทุก 10,000 กิโลเมตร ควรให้ช่างดูกรองแอร์ กรองอากาศ ว่ามีสิ่งอุดตันหรือตัวกรองเหล่านั้นหมดอายุการใช้งานแล้วหรือยัง แล้วให้ทำการเปลี่ยนใหม่ทันที รวมถึงควรล้างแอร์รถยนต์ทุก 1 ปี หรือผ่านการใช้งานรถประมาณ 20,000 กิโลเมตร

6. หมั่นตรวจสอบน้ำยาแอร์อยู่เสมอ

ในรถยนต์ยังคงใช้ระบบหล่อเย็นสำหรับการทำความเย็นให้แอร์อยู่เช่นกัน การตรวจสอบสารหล่อเย็นที่มีอยู่ในคอมเพรสเซอร์ และคอนเดนเซอร์เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ควรหมั่นตรวจสอบทุก 6 เดือน

7. รักษาความสะอาดในห้องโดยสาร

ฝุ่นละอองที่เกาะติดอยู่ตามที่ต่าง ๆ เป็นเหตุให้แอร์ตันง่ายและทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนัก การหมั่นทำความสะอาดดูดฝุ่นและสิ่งสกปรกออกบ่อย ๆ จะช่วยลดปัญหาการสะสมของฝุ่นในช่องแอร์ที่เป็นสาเหตุของการทำให้แอร์ตันได้ นอกจากนั้นการเก็บสิ่งของออกจากรถให้อาการไหลเวียนได้ดีก็เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนการดูแลเรื่องความสะอาดภายในรถเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแอร์ให้ดียิ่งขึ้น

8. แอร์รถไม่เย็น มีแต่ลม ทำยังไงดี?

หากแอร์รถไม่เย็น มีแต่ลมแล้วฝืนเปิดแอร์ต่อไป รังจะมีปัญหาตามมาไม่รู้จบ วิธีการที่ดีที่คือ ปิดปุ่มการทำงานของระบบ A/C พร้อมกับปล่อยให้พัดลมระบายอากาศทำงาน อาจต้องทำควบคู่ไปกับการเปิดกระจกรถเพื่อระบายความร้อนซึ่งเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงแต่ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ต้องทำ พร้อมกันนั้นต้องรีบจัดการพารถเข้าซ่อมบำรุงและตรวจเช็กสภาพความพร้อมของแอร์โดยเร่งด่วนเพื่อหาสาเหตุว่าแอร์รถไม่เย็นเกิดจากอะไร และฟื้นฟูสภาพกลับขึ้นมาอีกครั้ง

ระบบแอร์รถยนต์ เรื่องเล็ก ๆ ที่ต้องใส่ใจ หากอยากให้แอร์รถยนต์เย็นฉ่ำอยู่ตลอดเวลาต้องมีการตรวจเช็ค ซ่อมบำรุงอยู่เสมอ รวมไปถึงรู้จักขั้นตอนการใช้งานแอร์อย่างถูกต้อง ก็จะทำให้ใช้งานระบบแอร์ได้เต็มประสิทธิภาพ รวมถึงยืดอายุการใช้งานได้อีกด้วย

สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)